มาทำความรู้จักกับแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าชื่อดังอย่าง TESLA (เทสล่า) ให้มากขึ้นด้วยผ่านโมเดลรถยนต์ที่เทสล่ามีทั้งหมด 4 โมเดล พร้อมบอกสเปกและราคาจำหน่ายเริ่มต้น TESLA (เทสล่า) คือบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 100% (Electric Vehicle) ที่นำเสนอจุดเด่นในเรื่องเทคโนโลยีที่ทันสมัยเช่น Autopilot (ระบบขับขี่อัตโนมัติ) และการสั่งการผ่าน Smartphone เป็นต้น นอกจากนี้ TESLA ยังถือว่าเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าสะอาดเป็นมิตรกับโลก ด้วยการที่ไม่มีการปล่อยมลพิษขึ้นสู่อากาศเลย เนื่องจากไม่มีการใช้เครื่องยนต์น้ำมันเป็นส่วนประกอบแต่ใช้เป็นแบตเตอรี่ไฟฟ้าลิเทียมไอออนแทน TESLA ทุก MODEL ถูกออกแบบให้มีความมินิมอล รูปโฉมเรียบง่าย สะอาดตา ไม่หลุดภาพลักษณ์รถยนต์รักสิ่งแวดล้อมอีกด้วย และด้วยการที่ Tesla (เทสล่า) มีแนวคิดที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญจึงได้นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้เพื่อผลักดันรถยนต์ไฟฟ้าออกมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภคในอนาคตจะเห็นได้จากปัจจุบันราคาน้ำมันมีราคาสูงขึ้น จนรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ได้รับมาสนใจเป็นอย่างมาก บวกกับเทสล่ามีเทคโนโลยีที่โดดเด่น ดีไซน์แตกต่าง และวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร ทำในที่สุดก็ให้เทสล่าขึ้นแท่นมาเป็นผู้นำการผลิตในตลาดรถยนต์ที่มีมูลค่ามากที่สุด เรามาทำความรู้จัก 4 MODELS ของแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าชื่อดังนี้กันดีกว่าค่ะ ว่าจะมีสมรรถนะเป็นอย่างไรบ้าง TESLA MODEL S TESLA MODEL S เป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบ Sedan ถูกเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2012 โมเดลนี้ถูกพัฒนามาเป็นระยะเวลาเกือบ 10 ปีเพื่อพัฒนาสมรรถนะของรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ให้ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปัจจุบันมี TESLA MODEL S ทั้งหมด 2 รุ่นด้วยกันคือ Model S Dual Motor AWD ราคาโดยประมาณ 3,405,000 บาท (99,990 USD) อัตราเร่ง 0-96 กม./ชม.: 3.1 วินาที ขุมพลัง 670 แรงม้า มีอัตราเร่ง 0 – 100 กม. /ชม. เพียง 3.1 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 249 กม. /ชม. ระยะทางขับขี่: 603 - 651 กิโลเมตร (375 - 405 ไมล์) Model S Plaid Tri Motor AWD ราคาโดยประมาณ 4,635,000 บาท (135,990 USD) อัตราเร่ง 0-96 กม./ชม.: 1.99 วินาที ระยะทางขับขี่: 560 - 637 กิโลเมตร (348 - 396 ไมล์) ซึ่งรุ่น Plaid นี้ถูกอัพเกรดใหม่ให้สามารถใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ส่งพลังสูงสุดถึง 1,020 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม. /ชม. ต่ำกว่า 2 วินาทีเลยทีเดียว อีกทั้งยังทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 320 กม. /ชม. TESLA MODEL 3 TESLA MODEL 3 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับกระแสความนิยมมากที่สุด กับการเปิดตัวด้วยการมียอดจองสูงที่สุดในโลกด้วยตัวเลขมากกว่า 325,000 คัน ภายในเวลาหนึ่งสัปดาห์หลังการเปิดตัว และมียอดจองทะลุ 500,000 คันภายใน 3 เดือนเท่านั้น เพราะด้วยตัวโมเดลมีขนาดที่กระทัดรัด ชาร์จได้รวดเร็ววิ่งได้ไกลและมีราคาที่สามารถจับต้องได้ด้วยราคาเริ่มต้นประมาณ 1 ล้านบาท ส่วนในเรื่องของสมรรถนะก็ทำออกมาได้โดดเด่นไม่แพ้ใครด้วยเครื่องยนต์มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ที่ทำงานแบบอิสระ โดย MODEL 3 นี้มีให้เลือกถึง 3 รุ่นด้วยกัน รุ่น Model 3 Standard (Rear Wheel Drive) ราคาโดยประมาณ 1,601,000 บาท (46,990 USD) ขุมพลัง 283 แรงม้า มีอัตราเร่ง 0 – 100 กม. /ชม. เพียง 5.3 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 225 กม. /ชม. เมื่อชาร์จไฟเต็มสามารถวิ่งได้ 430 กม. รุ่น Model 3 Long Range (All-Wheel Drive) ราคาโดยประมาณ 1,908,000 บาท (55,990 USD) ขุมพลัง 346 แรงม้า มีอัตราเร่ง 0 – 100 กม. /ชม. เพียง 4.2 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 233 กม. /ชม. ขับเคลื่อนแบบ All-Wheel Drive เมื่อชาร์จไฟเต็มสามารถวิ่งได้ 580 กม. รุ่น Model 3 Performance (All-Wheel Drive) ราคาโดยประมาณ 2,147,000 บาท (62,990 USD) ขุมพลัง 450 แรงม้า มีอัตราเร่ง 0 – 100 กม. /ชม. เพียง 3.3 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 261 กม. /ชม. มอเตอร์คู่ ระบบขับเคลื่อนแบบ All-Wheel Driveเมื่อชาร์จไฟเต็มสามารถวิ่งได้ 567 กม. TESLA MODEL X TESLA MODEL X เป็นรถยนต์ไฟฟ้า Crossover ขนาดกลาง (Mid-size) ที่ถูกพูดถึงในส่วนของประตูมากที่สุดเพราะ ประตูของโมเดลรถรุ่นนี้มาในรูปแบบ Falcon Wing (ลักษณะปีกนก) ที่เวลาเปิดประตูจะถูกยกขึ้นเหมือนปีกนก มาพร้อมรูปทรงที่ดูบึกบึน ทรงพลัง ซี่ง TESLA MODEL X ถูกแบ่งออกเป็นอีก 2 รุ่นย่อย รุ่น Tesla Model X Plaid (Tri Motor) ราคาโดยประมาณ 4,740,000 บาท (138,990 USD) มีกำลังถึง 1,020 แรงม้า สามารถเร่ง 0 – 100 กม. /ชม. เพียง 2.5 วินาที ทำความเร็วสูงสุดที่ 262 กม. /ชม. รุ่น Tesla Model X (Dual Motor) ราคาโดยประมาณ 2,640,000 บาท (114,900 USD) มีกำลัง 670 แรงม้า สามารถเร่ง 0 – 100 กม. /ชม. เพียง 3.8 วินาที ทำความเร็วสูงสุดที่ 249 กม. /ชม. TESLA MODEL Y TESLA MODEL Y รถยนต์ไฟฟ้า Compact Crossover SUV ที่ถูกพัฒนาแพลตฟอร์มมาจาก TESLA MODEL 3 ซึ่งมีชิ้นส่วนคล้ายคลึงกันถึง 75 % มีขนาดที่กะทัดรัด มีที่นั่งให้เลือกตามใจชอบอีกด้วย ทั้งแบบ 5 ที่นั่งและ 7 ที่นั่ง TESLA MODEL Y แบ่งออกเป็น 2 รุ่นย่อยคือ รุ่น Performance ราคาโดยประมาณ 2,320,000 บาท (67,990 USD) สามารถทำความเร็ว 0 – 100 กม./ชม. ที่ 3.5 วินาที ระบบขับเคลื่อนแบบ All-Wheel Drive ทำความเร็วสูงสุด 241 กม./ชม. รุ่น Long Range ราคาโดยประมาณ 2,150,000 บาท (62,990 USD) สามารถทำความเร็ว 0 – 100 กม./ชม. ที่ 5.3 วินาที ระบบขับเคลื่อนแบบ All-Wheel Drive ทำความเร็วสูงสุด 217 กม./ชม. เทสล่ามีความสามารถในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าออกมาให้ตอบโจทย์และหลากหลาย ทำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกในการตัดสินใจมากขึ้นซึ่งก็จะแตกต่างกันในด้าน ดีไซน์สมรรถนะ รวมทั้งราคา เหตุนี้จึงทำให้ TESLA ถูกเป็นที่พูดถึงและเป็นที่ต้องการของผู้คนมากมาย
รถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle, EV) ได้รับกระแสความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องด้วยปัญหาราคาค่าน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นบวกกับผู้คนก็หันกลับมาใส่ใจสิ่งแวดล้อม เพราะเนื่องจากที่ผ่านมาได้มีปัญหาโลกร้อน มลพิษทางอากาศ PM2.5 จึงทำให้รถยนต์ไฟฟ้าเป็นรถยนต์ที่ไม่เป็นพิษกับสิ่งแวดล้อมได้รับกระแสความนิยมเพิ่มสูงขึ้นมา หากใครที่กำลังตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้าอยู่ เรามาลองทำความรู้จักกับประเภทรถยนต์ไฟฟ้าและข้อดีข้อเสีย ให้มากขึ้นกันดีกว่าค่ะ รถยนต์ไฟฟ้ามีด้วยกันทั้งหมด 4 ประเภทคือ รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด | Hybrid Electric Vehicle (HEV) การทำงานของรถยนต์ในรูปแบบนี้คือจะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์สันดาป และพลังงานไฟฟ้าที่ได้จากแบตเตอรี่ โดยระบบของรถยนต์จะทำงานสลับการใช้งานกันระหว่างเครื่องยนต์และแบตเตอรี่อัตโนมัติ หรือ บางครั้งพลังงานอาจจะมาจากทั้งสองแหล่งเลยก็ได้ เพราะจะได้เป็นการเสริมอัตราการเร่งของรถยนต์ การทำงานของตัวแบตเตอรี่ของรถยนต์ หลักๆ ระบบจะดึงพลังงานมาใช้ในช่วงที่รถออกตัวในระยะทาง 2-3 กิโลเมตรแรก หลังจากนั้นจึงจะสลับกลับมาใช้เครื่องยนต์ในการขับเคลื่อน และเมื่ออยู่ในช่วงระหว่างรถติดหรือหยุดนิ่ง หากมีแบตเตอรี่มากพอระบบจะดึงพลังงานไฟฟ้ามาใช้งานกับอุปกรณ์ต่างๆ ภายในตัวรถ เช่น ไฟหน้า แอร์รถยนต์ เครื่องเสียง โดยให้เครื่องยนต์หยุดทำงานชั่วขณะ เพื่อลดการใช้น้ำมันและลดการปล่อยควันพิษเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ รถยนต์ไฟฟ้าปลั๊ก-อิน ไฮบริด | Plug-in Hybrid (PHEV) รถยนต์ไฟฟ้าประเภทปลั๊ก-อิน ไฮบริดนี้ จะมีระบบการทำงานที่มีความคล้ายคลึงกับรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด คือ มีการผสมผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์และแบตเตอรี่ เพียงแต่ว่าสามารถเสียบชาร์จไฟแบตเตอรี่ได้เองจากที่บ้านหรือสถานีชาร์จไฟสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า โดยใช้เวลาในการชาร์จประมาณ 4-5 ชั่วโมง ซึ่งเมื่อแบตเตอรี่เต็ม 100% แล้วนั้นจะสามารถขับได้ไกลถึง 20-50 กิโลเมตรโดยประมาณ และไม่จำเป็นต้องใช้น้ำมันเลย หากแบตเตอรี่หมดลงระบบจะสลับกลับมาใช้พลังงานจากเครื่องยนต์ในการขับเคลื่อนปกติดังเดิม รถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบตเตอรี่ | Battery Electric Vehicle (BEV) รถยนต์ไฟฟ้าประเภทนี้เป็นประเภทที่ใช้มอเตอร์ในการขับเคลื่อนแบบ 100% โดยที่ไม่มีเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ใช้ระบบน้ำมันเชื้อเพลิงใดๆ จึงมั่นใจได้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าประเภทนี้จะเป็นมิตรกับธรรมชาติอย่างแน่นอน เพราะไม่มีการปล่อยไอเสียจากตัวรถออกมาเลยแม้แต่น้อย สำหรับการชาร์จแบตเตอรี่แต่ละครั้งนั้น ใช้เวลาประมาณ 6 - 8 ชั่วโมง สำหรับการชาร์จปกติ หรือ 2 - 4 ชั่วโมง สำหรับการชาร์จผ่านแทนชาร์จเร็ว หลังจากชาร์จไฟเต็ม 100% แล้ว รถยนต์ไฟฟ้าประเภทนี้จะสามารถวิ่งได้สูงสุดประมาณ 300 กิโลเมตรเลยทีเดียว สำหรับใครที่ชอบเที่ยวต่างจังหวัดหรือชอบเดินทางแบบระยะทางไกลขึ้นมาหน่อย รถยนต์พลังงานไฟฟ้าประเภทนี้ถือว่าตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์สุด ๆ รถยนต์พลังงานไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง | Fuel Cell Electric Vehicle (FCEV) เป็นรถยนต์ไฟฟ้าประเภทนี้ขับเคลื่อนและใช้พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตจากเซลล์เชื้อเพลิง ซึ่งพลังงานนั้นมาจากพลังงานของก๊าซไฮโดรเจนที่ทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ ซึ่งจะสร้างพลังงานไฟฟ้าขึ้นมา และเมื่อพลังงานไฟฟ้าถูกชาร์จเข้าแบตเตอรี่มอเตอร์จะดึงพลังงานจากแบตเตอรี่นำไปขับเคลื่อนล้อ ข้อดีของ FCEV คือ สามารถเติมไฮโดรเจน เหมือนกับเราเติมก๊าซNGV และจะใช้เวลาในการเติมไม่นาน แต่มีข้อเสียคือสามารถติดไฟได้ง่ายหากเกิดการรั่วไหลเนื่องจากมีก๊าซไวไฟมาก เมื่อรู้จักกับประเภทรถ Ev กันมากขึ้นแล้ว มาลองดูข้อดีและข้อเสียของมันกันบ้างดีกว่าค่ะ ว่าจะมีอะไรบ้าง ข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้า 1.เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แน่นอนอยู่แล้วว่าหากเป็นรถไฟฟ้าที่ใช้พลังงานไฟฟ้า 100% นั่นแปลว่าเป็นพลังงานสะอาด เพราะรถยนต์จะทำงานด้วยการใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ ทำให้ไม่มีการปล่อยไอเสียหรือก๊าซเรือนกระจกออกมาและไม่เป็นการสร้างมลพิษ 2.ลดมลพิษทางเสียง เนื่องจากกลไกในการขับเคลื่อนของรถยนต์ไฟฟ้าไม่ต้องใช้การจุดระเบิดเพื่อเผาไหม้ จึงทำให้ไม่มีเสียงดังขณะขับ และการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้า มีเสียงที่เบากว่าเครื่องยนต์มาก 3.ประสิทธิภาพสูง เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่สู่มอเตอร์เพื่อทำการขับเคลื่อน สามารถทำให้มีอัตราเร่งเป็นไปได้อย่างที่ใจต้องการ เพราะไม่มีขั้นตอนการทดเกียร์อีกต่อไป จึงทำให้รถยนต์สามารถตอบสนองในการขับขี่ได้ตามความต้องการของผู้ขับ 4.ประหยัดค่าใช้จ่าย เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าไม่มีเรื่องยนต์ จึงไม่ต้องใช้เชื้อเพลิงในการเผาไหม้ และรถยนต์พลังงานไฟฟ้ายังมีราคาที่ถูกกว่าหลายเท่าตัว และผันผวนน้อยกว่าราคาน้ำมันส่วนในเรื่องของการบำรุงรักษานั้น ในรถยนต์ไฟฟ้ามีเพียงมอเตอร์ไฟฟ้าเท่านั้นที่เป็นส่วนกำลังทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ ไม่มีของเหลวหรือกรองของเหลวที่ต้องบำรุงรักษาตามวาระ 5.สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้จากที่บ้าน รถยนต์ไฟฟ้านั้น สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้จากที่บ้าน ซึ่งสามารถชาร์จได้ระหว่างที่นอนหลับ เมื่อถึงยามเช้ารถยนต์ไฟฟ้าก็จะอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน จึงทำให้ไม่ต้องกังวลในเรื่องการเสียเวลาที่สถานีบริการน้ำมันอีกต่อไป ข้อเสียของรถยนต์ไฟฟ้า 1.ยังมีศูนย์ให้บริการชาร์จไฟน้อย แน่นอนว่ามีข้อดีเรื่องประหยัดน้ำมัน ก็ย่อมมีข้อเสียเพราะจุดที่ให้บริการชาร์จไฟเข้าสู่ตัวรถยนต์จะต้องมีเพียงพอและเทียบเท่ากับปริมาณของปั๊มน้ำมันทั่วประเทศ พร้อมไปด้วยระบบการจ่ายไฟต้องมีความปลอดภัยสูง ผู้ที่ใช้รถก็ต้องศึกษาวิธีการชาร์จให้ดี ไม่เช่นนั้นอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ 2.ราคาสูง ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้ายังคงมีราคาที่สูงอยู่ เนื่องจากกระบวนนการผลิตจนถึงการวางจำหน่ายจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีที่มีราคาแพง ทำให้มูลค่าตัวรถมีราคาแพงไปด้วย แต่หากในอนาคตมีนวัตกรรมการผลิตที่ดีและผลิตได้มากขึ้น รถยนต์ไฟฟ้าก็อาจจะมีราคาถูกลง 3.ระยะการขับ เนื่องจากระยะการขับของรถยนต์ไฟฟ้ามักขึ้นอยู่กับขนาดความจุของแบตเตอรี่ ซึ่งอาจจะต้องทำให้ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าวางแผนการชาร์จระหว่างทาง และวางแผนการเดินทางสำหรับขับขี่ระยะไกล 4.การบำรุงรักษา รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยยังถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่ใหม่มาก อาจจะต้องใช้เวลาเพื่อให้บุคลากรทางสายยานยนต์เรียนรู้เรื่องการบำรุงรักษาระบบต่าง ๆ 5.การจำกัดขยะจากแบตเตอรี่ เนื่องจากแบตเตอรี่มีอายุการใช้งานที่จำกัดการเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่เป็นเรื่องที่ทำได้ง่าย แต่การกำจัดแบตเตอรี่ที่เสื่อมสภาพไปแล้วนั้น ในปัจจุบันยังไม่มีมาตรการที่ชัดเจนในการกำจัดแบตเตอรี่ที่เป็นขยะเหล่านี้ ซึ่งเป็นความท้าทายที่จะต้องมีการดำเนินการต่อไป ปัจจุบันผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้มีการแก้ไขพัฒนาแบตเตอรี่ให้มีประสิทธิภาพวิ่งได้ระยะทางที่ไกลมากขึ้น และทางภาครัฐและเอกชนเองก็ให้ความร่วมมือในการสร้างอัดประจุให้คลอบคลุมมพื้นที่ในประเทศเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย สามารถเช็กพิกัดสถานีชาร์จได้ที่นี่ คลิก!! โหลด App Carmunity เพื่อสะสมคะแนน 👇🏻