ปัจจุบันคนในสังคมปัจจุบันเริ่มมีพฤติกรรมอยู่กับความเร่งรีบ จึงชื่นชอบความสะดวก รวดเร็ว ส่งผลให้ธุรกิจต่างๆ เองก็เริ่มปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมนี้ ที่เห็นชัดเจนคือ ธุรกิจขนส่ง ฟู้ดเดลิเวอรี่ ธุรกิจจองคิว ขายสินค้าออนไลน์ อาหารพร้อมรับประทาน ธุรกิจคาร์แคร์ เป็นต้น ซึ่งเป็นเทรนด์ที่ยังมีแนวโน้มเติบโตในปัจจุบัน ควิกวอช ธุรกิจล้างรถอัตโนมัติ เริ่มเข้ามามีบทบาทในการใช้ชีวิตของคนในยุคปัจจุบันมากขึ้น เพราะทั้งสะดวก สะอาด รวดเร็วแถมยังได้มาตรฐาน ในปัจจุบันจึงได้รับความนิยมจากผู้ใช้บริการมากขึ้นเรื่อย ๆ “ควิกวอช” เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่เข้ามาในตลาด ล้างรถอัตโนมัตินานกว่า 5 ปี มีฐานลูกค้ามากมาย และพร้อมเดินหน้าขยายสาขาไปทั่วประเทศ เราต้องการขับเคลื่อนวงการร้านล้างรถด้วยการนำเอาเครื่องยนต์และเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนช่วยในธุรกิจไม่ว่าจะเป็นเครื่องล้างอัตโนมัติที่ช่วยลดการใช้แรงงานจากคนหรือระบบจัดการหลังบ้านช่วยแก้ปัญหาด้านการทุจริต และเราพร้อมที่จะพาธุรกิจคาร์แคร์อื่นๆ ให้เดินหน้าไปด้วยกันในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทเช่นนี้ ก่อนอื่นเรามาเริ่มทำความรู้จักกับแบรนด์ล้างรถอัตโนมัติ QuickWash (ควิกวอช) ร้านล้างรถอัตโนมัติ ล้างรถเร็วใน 7 นาที ราคาเริ่มต้น 89 บาท มีจุดเริ่มต้นในปี 2017 จากการที่เราเริ่มตั้งคำถามง่ายๆ ว่า “ทำไมการล้างรถมันถึงเป็นเรื่องยุ่งยากเหลือเกิน? ได้รับบริการไม่ค่อยมีมาตรฐาน ล้างสะอาดบ้างไม่สะอาดบ้าง แล้วก็ต้องรอนาน สุดท้ายกลับให้ความรู้สึกไม่คุ้มเลย” เราได้เล็งเห็นถึงปัญหานี้และอยากมีส่วนร่วมแก้ไข เราจึงได้พัฒนา Quick Wash ร้านล้างรถอัตโนมัติขึ้นมาเพื่อคนไทย โดยทำให้ “การล้างรถต้องไม่ใช่เรื่องยากและคุ้มค่าคุ้มราคาที่สุด” ควิกวอชเราให้ความสำคัญกับการบริการที่มีมาตรฐาน โดยเรามีหลักอยู่ด้วยกัน 2 สิ่งนั้นก็คือ “4ส. วัฒนธรรม นั่นก็คือ สปีด สมาย สหาย สะอาด” และสโลแกนที่ว่า “เร็วกว่าที่คิด เป็นมิตรกว่าที่เคย” ซึ่งสองสิ่งนี้ทำให้ควิกวอชเราดูแลบริหารแต่ละสาขาได้มาตรฐานเดียวกันทั้งหมด สปีด (Speed) คุ้มค่า คุ้มเวลา ด้วยการล้างเร็วเพียง 7 นาที ราคาเริ่มต้นเพียง 89 บาท สมาย (Smile) บริการด้วยรอยยิ้ม พนักงานพร้อมให้บริการ และพร้อมแนะนำให้ทุกขั้นตอน สหาย (Friend) เพราะเราเข้าใจลูกค้าทุกท่าน และรถทุกคันเปรียบเหมือนกับเพื่อนของเรา สะอาด (Clean) สะอาด ไร้รอย ได้มาตรฐานในทุกๆ การล้างในแต่ละครั้ง “บริการและผลิตภัณฑ์มาตรฐานระดับโลก” ควิกวอช เราเริ่มสร้างมาตรฐานการใช้บริการจากการเลือกใช้เครื่องล้างรถอัตโนมัติที่นำเข้าจากประเทศสเปน ควิกวอชเองเป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียวในประเทศที่นำเข้าเครื่องล้างรถอัตโนมัตินี้ โดยตัวเครื่องล้างมีเทคโนโลยีรับรู้ลักษณะยานพาหนะและปรับระยะให้เข้ากับรถได้อย่างดีเยี่ยมสามารถล้าง แว็กซ์ และเป่าลมได้ในเครื่องเดียวในส่วนนี้ใช้เวลาเพียง 7-10 นาทีเท่านั้น ประหยัดเวลาและช่วยลดการใช้แรงงานจากพนักงานอีกด้วย โดยในส่วนของผลิตภัณฑ์ควิกวอชเองก็เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐานนำเข้าจากยุโรป ซึ่งจะมีจุดเด่นในเรื่องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของการประหยัดน้ำและพลังงาน มั่นใจได้ว่าจะได้รับบริการที่มีคุณภาพและมาตรฐาน นอกจากนี้ขนแปรงล้างรถผลิตจากวัสดุ Eva Foam ฟูนุ่ม น้ำหนักเบา ไม่อมน้ำ เคลือบด้วยน้ำยาพิเศษ จึงมั่นใจได้ว่าจะไม่เกิดร่องรอยต่างๆ หรือไม่เป็นอันตรายต่อสีรถ ซึ่งในเครื่องล้างจะประกอบไปด้วยแปรงสำหรับขัดตัวรถมีด้วยกันทั้งหมด 5 แปรง แบ่งเป็นแปรงขัดที่ตัวรถ 3 ด้าน (ด้านซ้าย,ด้านขวา,ด้านบน)และแปรงขัดล้อทั้ง 2 ด้าน การที่มีด้วยกันทั้งหมด 5 แปรงนี้เพราะจะเป็นการทำความสะอาดรถได้อย่างทั่วถึงนั่นเอง “เร็วกว่าที่คิด เป็นมิตรกว่าที่เคย” ควิกวอช เป็นร้านคาร์แคร์ล้างรถอัตโนมัติ ที่เปิดให้บริการมากว่า 5 ปี การันตี 14 สาขา ทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล เรามีทีมงานมืออาชีพที่พร้อมซัพพอร์ตในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ด้านการตลาดโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย ควิกวอชเราร้านล้างรถอัตโนมัติที่มีโปรโมชั่น Buffet ล้างรถได้ไม่อั้นเจ้าแรกในไทยอีกด้วย หรือ จะเป็นทีม Operation ที่เป็นทีมดูแลฝึก อบรมให้กับพนักงานหน้าร้าน เหตุนี้จึงสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุน ในปัจจุบันควิกวอชมีร้านล้างรถอัตโนมัติที่ให้บริการครอบคลุมกรุงเทพฯ ปริมณฑล ถึง 14 สาขา โดยในปี 2565 มีการขยายสาขาเพิ่มขึ้นถึง 5 สาขา แฟรนไชส์ 1 สาขาและกำลังขยายสาขาเพิ่มมากขึ้นในอนาคต เรามีเป้าหมายที่จะเป็นร้านล้างรถอัตโนมัติ No.1 ในใจลูกค้า และเนื่องด้วยความต้องการของลูกค้าที่มากขึ้น ผู้คนให้ความยอมรับในธุรกิจล้างรถอัตโนมัติ เราจึงมีเป้าหมายขยายสาขาไปทั่วประเทศ ซึ่งภายในปี 2026 เราตั้งเป้าที่จะขยายสาขาเพิ่มถึง 50 สาขาภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว พร้อมครอบคลุมทุกพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล ในปัจจุบันควิกวอชมีร้านล้างรถอัตโนมัติที่ให้บริการครอบคลุมกรุงเทพฯ ปริมณฑล ถึง 14 สาขา และกำลังขยายสาขาเพิ่มมากขึ้นในอนาคต Quickwash ทั้ง 14 สาขาได้แก่ Quick Wash วิภาวดี 36 Quick Wash ESSO บางพูด Quick Wash ESSO หนองแขม Quick Wash PTT บางบอน Quick Wash ESSO กาญจนา Quick Wash ESSO ประชาอุทิศ Quick Wash ESSO อ่อนนุช Quick Wash ESSO ปิ่นเกล้า Quick Wash ESSO ราชพฤกษ์ Quick Wash Caltex กิ่งแก้ว Quick Wash Shell สายไหม Quick Wash Susco เอกชัย101 Quick Wash PTT คลอง7 ธัญบุรี (สาขา Partner) Quick Wash PTT ถนนเศรษฐกิจ (สาขาแฟรนไชส์) โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา 5 ปี ควิกวอชเราได้เปิดให้บริการอยู่ภายในสถานีบริการปั๊มน้ำมันหลากหลายแบรนด์ไม่ว่าจะเป็น PTT, Shell, Esso, Caltex, Susco เป็นต้น ส่วนนี้เองควิกวอชมีส่วนช่วยสร้างความสร้างความสะดวกสบายให้ลูกค้าและช่วยทำให้พื้นที่ภายในปั๊มน้ำมันในส่วนของ Non-Oil ให้มียอดรถเข้ามาใช้บริการภายในปั๊มเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย ควิกวอช เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ได้เปิดตัวธุรกิจแฟรนไชส์ ล้างรถอัตโนมัติอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2565 ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนมากมาย โดยจุดเด่นของธุรกิจแฟรนไชส์ล้างรถควิกวอช คือการที่เรามีรูปแบบการลงทุนที่หลากหลายตอบโจทย์กับผู้ลงทุนในรูปแบบต่างๆ สนใจลงทุน/รับคำปรึกษา คลิกเลย https://share.hsforms.com/1fZGvog7bQHW8tkmIWARowAcv337 โทร : 092-281-2771 รูปแบบการลงทุนแฟรนไชส์ “ควิกวอช” หุ้นส่วนรูปแบบเจ้าของที่ดิน (Partner Landlord) *เงินลงทุน 1 ล้านบาท* เหมาะสำหรับผู้ที่มีพื้นที่มีศักยภาพเหมาะสำหรับเปิดร้าน ระยะสัญญา 6 ปี ควิกวอชจะเป็นผู้บริการดูแลจัดการให้ทุกอย่าง และผู้ลงทุนจะได้รับอัตราส่วนแบ่งรายได้ 20% ระยะคืนทุนจะอยู่ที่ ประมาณ 2 ปี หุ้นส่วนรูปแบบเจ้าของปั๊มน้ำมัน (Gas Station) *เงินลงทุน 1 ล้านบาท* ในรูปแบบนี้เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นเจ้าของปั๊มน้ำมัน อยากพัฒนาพื้นที่ภายในปั๊มให้มีคนเข้าใช้บริการมากขึ้น ระยะสัญญา 6 ปี ในรูปแบบนี้ผู้ลงทุนจะต้องบริหารจัดการร้านด้วยตัวเอง จะได้รับอัตราส่วนแบ่งรายได้ 80% ในส่วนของควิกวอชจะลงทุนในส่วนของเครื่องล้าง และสนับสนุนในด้านการตลาด แฟรนไชส์ขายขาด (Franchise System) *เงินลงทุน 2.7 ล้านบาท* ในส่วนของรูปแบบแฟรนไชส์ ลูกค้าใช้เงินลงทุน 2.7 ล้านบาท ระยะสัญญา 9 ปี ในรูปแบบนี้ผู้ลงทุนจะต้องบริการจัดการร้านด้วยตัวเอง และได้รับอัตราส่วนแบ่งรายได้ 100% Quickwash ใช้พื้นที่เท่าใด รูปแบบ Drive Thru ขนาดติดตั้งเครื่องล้างรถขั้นต่ำ พื้นที่ร้านรวม : 150 ตร.ม. รูปแบบ Non – Drive Thru (Bay) ขนาดติดตั้งเครื่องล้างรถขั้นต่ำ พื้นที่ร้านรวม : 180 ตร.ม. เป็นอย่างไรกันบ้างคะ ได้ทำความรู้จักกับควิกวอชกันมากขึ้นแล้วใช่ไหม เป็นแฟรนไชส์น่าลงทุนสำหรับทุกท่านกันหรือเปล่า ในบทความต่อไปเราจะเจาะลึกเกี่ยวกับการลงทุนอย่างละเอียดมากขึ้นกันค่ะ และหากใครที่กำลังมองหาธุรกิจ แฟรนไชส์ล้างรถที่ลงทุนคุ้มค่า เติบโตได้อย่างยั่งยืน อย่าลืมนึกถึงธุรกิจล้างรถอัตโนมัติควิกวอช เราพร้อมสนับสนุนในทุกขั้นตอนตั้งแต่เริ่มต้นตลอดการเปิดร้านไปแล้วเราก็ยังเคียงข้างผู้ลงทุนและพร้อมเติบโตไปด้วยกัน “ธุรกิจล้างรถอัตโนมัติคืนทุนไว ไว้ใจควิกวอช” สนใจลงทุน/รับคำปรึกษา คลิกเลย : https://share.hsforms.com/1fZGvog7bQHW8tkmIWARowAcv337 สนใจลงทุนสามารถติดต่อได้ที่ Line : @quickwash_th https://lhco.li/45d4Oro Website : https://quickwashfranchise.com/ Facebook : https://www.facebook.com/quickwashThailand?mibextid=LQQJ4d Youtube : Quickwash thailand https://www.youtube.com/channel/UC-D2feUzEBniNmT7VUSZ60g Tiktok : quickwashthailand www.tiktok.com/@quickwashthailand
ทุกวันนี้ทำงานมีแหล่งรายได้จากทางเดียวอาจไม่ตอบโจทย์สำหรับการใช้ชีวิตในปัจจุบัน หลายคนจึงต้องหารายได้รองหรือหา Passive Income เพื่อเพิ่มช่องทางรายรับมากขึ้น วันนี้เราเลยนำไอเดีย 10 ไอเดีย สร้าง Passive Income มาแชร์ให้ทุกคนได้อ่านกันค่ะ Passive Income คืออะไร? ก่อนอื่นเราต้องมาทำความรู้จักกับ “Passive Income” คือ รายได้มาจากการที่เราลงแรงไปในตอนแรก แต่ยังคงได้รายได้นั้นกลับมาอย่างต่อเนื่องแม้งานจะเสร็จสิ้นไปแล้วก็ตาม กล่าวคือ เป็นเงินที่สามารถสร้างกระแสเงินสดหรือรายรับกลับมาอย่างสม่ำเสมอนั่นเอง ซึ่งจะตรงข้ามกับ “Active Income” ที่เป็นรายได้ที่ได้รับจากการให้บริการ ซึ่งจะอยู่ในรูปแบบของ ค่าจ้าง เงินเดือน ค่าคอมมิชชั่น ทิป หรือกล่าวง่าย ๆ คือเป็นรายได้ที่มาจากการทำงาน การประกอบอาชีพนั่นเอง 1. ลงทุนหุ้นหรือกองทุนปันผล หากพูดถึงการสร้าง Passive Income หนึ่งในวิธีที่คนมักจะพูดถึงเป็นสิ่งแรก ๆ ก็คือการสร้าง Passive Income ผ่านการลงทุนในหุ้นหรือกองทุนปันผล เนื่องจากเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ทั้งนี้การลงทุนในหุ้นหรือกองทุนจำเป็นจะต้องศึกษาข้อมูลของแต่ละสินทรัพย์อย่างละเอียดก่อนเสมอ ควรเลือกลงทุนในหุ้นที่มีงบการเงินที่แข็งแกร่ง มีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ มีแนวโน้มเติบโตได้ดีในระยะยาว เพราะนอกจากจะสร้าง Passive Income จากเงินปันผลได้แล้ว ยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีจากส่วนต่างราคา (Capital Gain) ได้อีกด้วย 2. ให้เช่าอสังหาฯ อีกหนึ่งวิธีสร้าง Passive Income ที่คนมักพูดถึงไม่ต่างจากการลงทุนในหุ้นหรือกองทุนปันผลคือการปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์ หากคุณมีอสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็น บ้าน คอนโด หรือที่ดิน แทนที่จะปล่อยมันว่างทิ้งไว้เฉย ๆ ไม่เกิดประโยชน์ ลองใช้มันสร้างรายได้ให้คุณโดยการปล่อยเช่าดู ซึ่งจะทำให้คุณมีรายได้แบบ Passive Income เข้ามาสม่ำเสมอในทุกเดือน 3. ขายภาพถ่ายออนไลน์ ใครเป็นสายถ่ายภาพ พกกล้องไปทุกที่ รักการถ่ายภาพเป็นชีวิตจิตใจ ก็สามารถสร้าง Passive Income จากสิ่งนี้ได้ โดยการนำภาพถ่ายของคุณมาลงขายผ่านเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็น Shutterstock, iStockPhoto, Freepik และ Adobe Stock เป็นต้น รูปภาพ 1 ภาพ สามารถลงขายได้เรื่อย ๆ ไม่จำกัดจำนวนคนซื้อ ดังนั้นยิ่งคุณมีภาพถ่ายให้ลูกค้าเลือกเยอะ ก็ยิ่งมีโอกาสสร้างรายได้มากขึ้น ทั้งนี้ราคาของรูปถ่ายก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละเว็บไซต์ 4. ทำ E-book / แต่งนิยาย สำหรับใครที่ชอบเล่าเรื่องผ่านงานเขียนก็สามารถนำความชอบตรงนี้มาเขียนหนังสือขายออนไลน์ในรูปแบบของ E-book เพื่อสร้าง Passive Income ได้เช่นกัน ซึ่งปัจจุบันมีเว็บไซต์ที่เปิดให้ลงขาย E-book ได้ ไม่ว่าจะเป็น Ookbee, Meb Market และ Arn Book เป็นต้น และใครที่รักการแต่งนิยายก็สามารถสร้างรายได้แบบ Passive Income เช่นกัน ซึ่งนอกจากเว็บไซต์ที่กล่าวไปแล้ว ยังมีแพลตฟอร์มที่เปิดโอกาสให้นักเขียนนิยายเข้าไปอวดฝีมือมากมาย ไม่ว่าจะเป็น จอยลดา, ReadAwrite และธัญวลัย เป็นต้น นักเขียนจะได้รับผลตอบแทนเป็นส่วนแบ่งจากแพลตฟอร์มต่าง ๆ จากการแต่งนิยาย ยิ่งมียอดคนอ่านเยอะก็จะยิ่งได้รับส่วนแบ่งมากขึ้นตามไปด้วย และหากเป็นเรื่องที่นักอ่านเลิฟสุด ๆ ก็อาจจะรับคอยน์จากนักอ่านเพิ่มกันแบบจุก ๆ กันเลยทีเดียว 5. Affiliate Marketing หากคุณเป็นสายชอปออนไลน์และชอบบอกต่อไอเทมเด็ด ๆ ผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่าง ๆ “Affiliate Marketing” ถือเป็นช่องทางสร้าง Passive Income ที่ตอบโจทย์คุณมากที่สุด เพราะ คุณสามารถเขียนรีวิวและแปะลิงก์ Affiliate ได้ ซึ่งหากมีคนกดซื้อสินค้าหรือบริการผ่านลิงก์ของคุณ ก็จะได้รับส่วนแบ่งเป็นค่าคอมมิชัน ทั้งนี้เปอร์เซ็นต์ค่าคอมมิชันจะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละแพลตฟอร์มและสินค้าหรือบริการนั้น ๆ 6. ซื้อประกันออมทรัพย์ หรือ ประกันสะสมทรัพย์ ประกันสะสมทรัพย์ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการฝึกวินัยการออมระยะยาว ที่นอกจากจะได้รับผลตอบแทนจากเงินคืนแล้ว ยังได้รับการคุ้มครองชีวิตด้วย เรียกได้ว่ามาแบบแพ็คคู่ โดยส่วนของการออมทรัพย์ ผู้เอาประกันภัยจะได้รับเงินคืนเมื่อสัญญาประกันครบกำหนด ซึ่งระยะเวลาก็จะมีทั้งระยะสั้น ระยะกลาง ไปจนถึงระยะยาว ให้ผู้เอาประกันภัยได้เลือกซื้อตามเป้าหมายที่เหมาะสมกับตัวเอง สำหรับผลตอบแทน IRR ของประกันสะสมทรัพย์ (บางแผน) ก็จะมากกว่าเงินฝากขึ้นมานิดหน่อย โดยผลตอบแทนที่ได้มานั้นไม่ต้องเสียภาษี ซึ่งจะต่างกับการฝากเงินในบัญชีธนาคารที่จะต้องเสียภาษี 15% หากดอกเบี้ยที่ได้รับนั้นเกิน 20,000 บาท นอกจากนี้ ประกันสะสมทรัพย์ยังสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาทอีกด้วย 7.ขายวิดีโอ เป็นการขายข้อมูลดิจิตัลอีกช่องทางหนึ่งโดยการทำสื่อวิดีโอ ซึ่งคุณอาจใช้การตั้งค่าการตอบกลับลูกค้าอัตโนมัติและจัดส่งวิดีโอเมื่อลูกค้าชำระเงิน 8.รับโฆษณา หากคุณมีอาคารหรือพาหนะคุณสามารถติดตั้งโฆษณาลงบนสิ่งเหล่านี้และสร้างรายได้ แต่คุณจำต้องหาพื้นที่โฆษณาให้ได้รวมถึงทำเลในการโฆษณาอีกด้วย 9.ชาแนล Youtube คุณสามารถสร้างรายได้โดยการอัปโหลดวิดีโอไปยัง Youtube และมีรายได้ผ่านการเข้าชมวิดีโอ คุณอาจจำเป็นต้องอัปโหลดวิดีโออยู่ตลอดแต่คุณไม่จำเป็นต้องขายผลิตภัณฑ์หรือบริการให้กับลูกค้าโดยตรง 10.ขายงานศิลปะ Printable สำหรับศิลปินหรือช่างภาพคุณสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ของคุณเป็นภาพพิมพ์ที่ลูกค้าสามารถพิมพ์ได้ด้วยตัวเอง ซึ่งทำให้คุณไม่จำเป็นต้องผลิตงานศิลปะและจัดส่งสินค้าทุกครั้งที่มีการสั่งซื้อ เป็นยังไงกันบ้างคะกับ 10 ไอเดีย สร้าง Passive Income ที่เรานำมาแชร์ต่อกัน สามารถเลือกใช้ได้ตามความถนัดของตัวเองได้เลย เพราะหากเราได้ทำสิ่งที่ตัวเองชอบและต่อยอดมาเป็นมูลค่าได้นั้น เราจะอยู่กับสิ่งนั้นไปอีกนาน หวังว่าบทความนี้จะช่วยเป็นไอเดียดีๆ ที่ช่วยเพิ่มเงินเข้ามาให้เราได้มากขึ้นนะคะ
ในทุกๆ การลงทุนนั้นย่อมมีความเสี่ยง ยิ่งหากเป็นนักลงทุนมือใหม่แล้วยิ่งมีความเสี่ยงเป็นอย่างมากเนื่องจากยังขาดประสบการณ์ในการลงทุน และแน่นอนว่าอะไรที่หลีกเลี่ยงได้เราก็ควรจะหลีกเลี่ยง วันนี้เราได้มีการนำ 8 กับดักที่นักลงทุนมือใหม่ต้องระวังให้มากๆ มาคอยเตือนให้ทุกคนอ่านกันค่ะ ไม่กระจายความเสี่ยง การบริหารจัดการพอร์ตการลงทุนเป็นสิ่งสำคัญเพราะฉนั้นเวลาซื้อหุ้นหรือลงทุนใดๆ อย่าทุ่มทุนลงหุ้นตัวเดียวหนักๆ หรือกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกันเยอะๆ เพราะหากพอถึงเวลาตลาดหุ้นลงแรง หรือมีปัจจัยลบที่มากระทบกับกลุ่มอุตสาหกรรมที่เราถือหุ้นอยู่เวลาขาดทุนพอร์ตเลยเสียหายหนัก!! อย่างนั้นแล้วควรจัดสรรและบริการความเสี่ยงในการลงทุนให้ดี ไม่มีแผนการลงทุน ในการเริ่มต้นการลงทุนทุกครั้ง ควรมีแผนรับมือในการลงทุนต่างๆ ควรศึกษาข้อมูลต่างๆ อย่างละเอียดถี่ถ้วนไม่ว่าจะเป็นข้อมูลบริษัท บริษัทที่เราต้องการจะลงทุนนั้นทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไร งบการเงินเป็นอย่างไร ควรที่จะลงทุนในระยะสั้นหรือระยาว หรือว่าบริษัทนี้มีอัตราการจ่ายปันผลสูงหรือไม่!! การมีแผนการลงทุนนี้จะช่วยให้เรารับมือกับความเสี่ยงได้มากขึ้นค่ะ ตั้งเป้าหมายไม่สมจริง นักลงทุนต่างก็รู้กันดี ในทุกๆ การลงทุนเราจะต้องมีการตั้งเป้าหมายในการลงทุนทุกครั้ง และควรตั้งเป้าหมายที่สมจริงและเป็นไปได้ด้วย เพราะกับดักในข้อนี้คือการตั้งเป้าหมายไม่สมจริง เช่น มโนผลตอบแทนเว่อร์ๆ ไม่นึกถึงความเป็นจริงอยากได้กำไร 10-20% ทุกวัน ซึ่งถ้าเป็นนักลงทุนระดับเซียนคงไม่ยากแต่เราเป็นนักลงทุนมือใหม่ควรที่จะตั้งเป้าหมายให้เหมาะสมกับการลงทุนของเรา เล่นหุ้นตามข่าว… เคยมีโอกาสได้คุยกับนักลงทุน ส่วนใหญ่ที่ติดหุ้น คือ ซื้อทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบริษัททำอะไร? เพียงแต่ฟังข่าวลือมา…เชื่อวงใน ซื้อตอนข่าวดีมากๆ และไปขายเอาตอนข่าวร้ายสุดขีด 5.ไม่ทำการบ้าน การลงทุนก็เปรียบเหมือนการเรียนรู้ จะต้องเรียนรู้อัพเดทข้อมูลข้าวสารความเคลื่อนไหวอยู่เสมอ รวมถึงทำการบ้านอยู่สมอ ไม่ว่าจะเป็นการหาหุ้น การอ่านงบ ตีกราฟ และวิเคราะห์แนวโน้มต่างๆ เป็นฝึกความแม่นรวมถึงเพิ่มพูนทักษะและประสบการณ์นั่นเอง อดทนรวย ไม่เป็น!! กับดักข้อนี้เป็นสิ่งที่มือใหม่มักจะพลาดกันมากที่สุด เพราะความใจร้อนกลัวไม่ได้กำไรนั่นเองกำไร หุ้นวิ่งขึ้นไปไม่กี่ช่องแล้วรีบขาย ทำแบบนี้เท่ากับจำกัดกำไรของตัวเอง แต่เมื่อถึงเวลาที่ขาดทุนทนถือกันเป็นปี Cut Loss ไม่เป็น!! Cut Loss คือ การที่นักลงทุนตัดสินใจขายสินทรัพย์ เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองขาดทุนมากขึ้นไปอีก และจากคำพูดยอดฮิตของนักลงทุนทั้งหลายที่ว่า “ไม่ขายไม่ขาดทุน” พอถึงถึงจุดคัตไม่คัต หนักไปกว่านั้นซื้อถัวเฉลี่ยขาลง ยิ่งทำให้ขาดทุนเพิ่มขึ้นอีก สุดท้ายทนไม่ไหวไปขายเอาที่ “Low” ลงทุนไม่เน้น เล่นแต่หุ้นซิ่ง ชาวมือใหม่สายเล่นซิ่งเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ควรระวัง ลงทุนตามสิ่งที่กำลังมาแรงเพราะกลัวตกรถ หวังว่าจะได้รวยเร็ว แต่ไม่คำนึงความยั่งยืน แบบนี้เป็นอีกที่นักลงลงทุนมือใหม่ตกม้าตาย ขาดทุนกันเยอะก็มาจากวิธีนี้ นักลงทุนมือใหม่ใครที่กำลังเจอกับกับดักเหล่านี้ อย่าหลงกลเด็ดขาด ในทุกๆ การลงทุนมีความเสี่ยงควรศึกษาข้อมูลทำความเข้าใจและฝึกฝนหาข้อมูลอยู่เสมอ
Quickwash (ควิกวอช) ร้านล้างรถอัตโนมัติชื่อดัง ที่สามารถล้างรถเร็วใน 7 นาที ราคาเริ่มต้น 89 บาท ตอนนี้มีสาขาไปแล้วกว่า 14 สาขา ทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล พร้อมแล้วที่จะขยายสาขาไปทั่วประเทศควบคู่ไปกับปั๊มน้ำมันบางจาก โดยในวันที่ 19 และ 21 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา ควิกวอช ได้ถูกเปิดตัวเป็นหนึ่งในพาร์ทเนอร์กับปั๊มน้ำมันบางจากอย่างเป็นทางการภายในงานสัมมนาผู้ประกอบการสถานีบริการน้ำมันบางจาก ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ เชียงใหม่ ที่ถูกจัดขึ้นโดยปั๊มน้ำมันบางจาก ภายในงานวันนี้ได้มีการร่วมพบปะ พูดคุยเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับตัวแทนปั๊มชุมชน และตัวแทนปั๊มดีลเลอร์บางจาก จากทั่วประเทศ ในงานนี้ควิกวอช ได้มีการนำเสนอรูปแบบ หุ้นส่วนรูปแบบเจ้าของปั๊มน้ำมัน (Gas Station) *เงินลงทุน 1 ล้านบาท* ซึ่งการลงทุนในรูปแบบนี้เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นเจ้าของปั๊มน้ำมันโดยเฉพาะ มีความอยากพัฒนาพื้นที่ภายในปั๊มในส่วนที่มีพื้นที่ว่างให้เกิดประโยชน์ และทำให้มีคนเข้าใช้บริการมากขึ้น ระยะสัญญา 6 ปี ในรูปแบบนี้ผู้ลงทุนจะต้องบริหารจัดการร้านด้วยตัวเอง จะได้รับอัตราส่วนแบ่งรายได้ 75% ในส่วนของควิกวอชจะลงทุนในส่วนของเครื่องล้าง และสนับสนุนในด้านการตลาด จากการเข้าร่วมงานสัมมนาผู้ประกอบการสถานีบริการน้ำมันบางจากทั่วประเทศ ควิกวอชได้ รับความสนใจและได้รับกระแสตอบรับจากผู้ที่มาร่วมงานเป็นอย่างดี โดยทางควิกวอชขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจธุรกิจล้างรถอัตโนมัติมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ สนใจลงทุนสามารถคลิกได้ที่ https://quickwashfranchise.com/ โทร. 092 - 2812771 หรือ 093 - 1782656
ในปัจจุบันหากพูดถึงแฟรนไชน์ที่มาแรงในช่วงนี้ ร้านล้างรถอัตโนมัติ เป็นอีกหนึ่งธุรกิจ แฟรนไชส์ล้างรถที่เริ่มได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในขณะนี้ เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีความทันสมัยตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนในยุคใหม่ ผู้คนมากมายเริ่มหันมาเปิดใจใช้บริการ ล้างรถอัตโนมัติ กันมากขึ้นเพราะทั้งสะดวก รวดเร็ว และราคาประหยัดจึงทำให้ธุรกิจนี้ได้รับความสนใจจากผู้ที่ต้องการลงทุนและผู้ใช้บริการเป็นอย่างมากในขณะนี้ จุดเริ่มต้นของ “ QuickWash (ควิกวอช) ” “QuickWash (ควิกวอช)” เป็นธุรกิจคาร์แคร์ล้างรถอัตโนมัติล้างรถเร็วใน 7 นาที ราคาเริ่มต้น 89 บาทมีจุดเริ่มต้นในปี 2017 จากการที่เราเริ่มตั้งคำถามง่ายๆ ว่า “ทำไมการล้างรถมันถึงเป็นเรื่องยุ่งยากเหลือเกิน? ได้รับบริการไม่ค่อยมีมาตรฐาน ล้างสะอาดบ้างไม่สะอาดบ้าง แล้วก็ต้องรอนาน สุดท้ายกลับให้ความรู้สึกไม่คุ้มเลย” เราได้เล็งเห็นถึงปัญหานี้และอยากมีส่วนร่วมแก้ไข เราจึงได้พัฒนา Quick Wash ร้านล้างรถอัตโนมัติขึ้นมาเพื่อคนไทย โดยทำให้ “การล้างรถต้องไม่ใช่เรื่องยากและคุ้มค่าคุ้มราคาที่สุด” ซึ่งขณะนี้ได้เปิดโอกาสให้นักลงทุนได้เป็นเจ้าของธุรกิจร้านล้างรถอัตโนมัติที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนสมัยใหม่กัน ภายใต้สโลแกน ล้างรถเร็วใน 7 นาที ราคาเริ่มต้น 89 บาท ซึ่งในปัจจุบันควิกวอชก็ยังคงรักษาราคาและมาตรฐานการบริการที่ดีแบบนี้อยู่ตลอด “เครื่องล้างปลอดภัยได้มาตรฐาน” เครื่องล้างรถอัตโนมัติของควิกวอชเป็นเครื่องล้างที่นำเข้ามาจากประเทศสเปน มีเทคโนโลยีรับรู้ลักษณะยานพาหนะและปรับระยะให้เข้ากับรถได้อย่างดีเยี่ยม โดยควิกวอชเลือกใช้น้ำยาล้างรถนำเข้าจากยุโรปมีจุดเด่นในเรื่องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของการประหยัดน้ำและพลังงาน ทำให้มั่นใจว่าได้ว่าจะได้รับบริการที่มีคุณภาพและมาตรฐาน นอกจากนี้ขนแปรงล้างรถผลิตจากวัสดุโฟม ฟูนุ่ม น้ำหนักเบา ไม่อมน้ำ เคลือบด้วยน้ำยาพิเศษ จึงมั่นใจได้ว่าจะไม่เกิดร่องรอยต่างๆ หรือไม่เป็นอันตรายต่อสีรถแน่นอน “ประสบการณ์สร้างความเชื่อมั่น ให้กับผู้ลงทุน” ควิกวอช เป็นร้านคาร์แคร์ล้างรถอัตโนมัติ ที่เปิดให้บริการมากว่า 5 ปี การันตี 14 สาขา ทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นร้านล้างรถอัตโนมัติที่มีโปรโมชั่น Buffet ล้างรถได้ไม่อั้นเจ้าแรกในไทยอีกด้วย เหตุนี้จึงสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุน ในปัจจุบันควิกวอชมีร้านล้างรถอัตโนมัติที่ให้บริการครอบคลุมกรุงเทพฯ ปริมณฑล ถึง 14 สาขา โดยในปี 2565 มีการขยายสาขาเพิ่มขึ้นถึง 5 สาขา แฟรนไชส์ 1 สาขาและกำลังขยายสาขาเพิ่มมากขึ้นในอนาคต รูปแบบการลงทุนแฟรนไชส์ “ควิกวอช” หุ้นส่วนรูปแบบเจ้าของที่ดิน (Partner Landlord) *เงินลงทุน 1 ล้านบาท* เหมาะสำหรับผู้ที่มีพื้นที่มีศักยภาพเหมาะสำหรับเปิดร้าน ระยะสัญญา 6 ปี ควิกวอชจะเป็นผู้บริการดูแลจัดการให้ทุกอย่าง และผู้ลงทุนจะได้รับอัตราส่วนแบ่งรายได้ 20% หุ้นส่วนรูปแบบเจ้าของปั๊มน้ำมัน (Gas Station) *เงินลงทุน 1 ล้านบาท* ในรูปแบบนี้เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นเจ้าของปั๊มน้ำมัน อยากพัฒนาพื้นที่ภายในปั๊มให้มีคนเข้าใช้บริการมากขึ้น ระยะสัญญา 6 ปี ในรูปแบบนี้ผู้ลงทุนจะต้องบริหารจัดการร้านด้วยตัวเอง จะได้รับอัตราส่วนแบ่งรายได้ 80% ในส่วนของควิกวอชจะลงทุนในส่วนของเครื่องล้าง และสนับสนุนในด้านการตลาด แฟรนไชส์ขายขาด (Franchise System) *เงินลงทุน 2.7 ล้านบาท* ในส่วนของรูปแบบแฟรนไชส์ ลูกค้าใช้เงินลงทุน 2.7 ล้านบาท ระยะสัญญา 9 ปี ในรูปแบบนี้ผู้ลงทุนจะต้องบริการจัดการร้านด้วยตัวเอง และได้รับอัตราส่วนแบ่งรายได้ 100% Quickwash ใช้พื้นที่เท่าใด รูปแบบ Drive Thru ขนาดติดตั้งเครื่องล้างรถขั้นต่ำ พื้นที่ร้านรวม : 150 ตร.ม. รูปแบบ Non – Drive Thru (Bay) ขนาดติดตั้งเครื่องล้างรถขั้นต่ำ พื้นที่ร้านรวม : 180 ตร.ม. ทำไมต้องเลือก Quickwash ควิกวอชช่วยพัฒนาพื้นที่ เพิ่มระยะเวลาและจำนวนการเข้าใช้พื้นที่ Non oil ส่วนต่างๆ ของปั๊มมากขึ้น ควิกวอชช่วยคุณดูแลลูกค้า ดูแลลูกค้าด้วยระบบ CRM ระบบที่ช่วยทำให้รู้จักลูกค้าและทำการตลาดได้อย่างตรงจุด ช่วยคุณประหยัดทั้งเงินและเวลา ควิกวอชบริการด้วยระบบอัตโนมัติควบคุมได้ทั้งเวลา และค่าใช้จ่ายในการล้างแต่ละครั้ง เติบโตไปพร้อมกัน ทำธุรกิจแบบแบ่งส่วนรายได้ มั่นใจได้เลยว่าควิกวอชจะเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน 5.ใช้พนักงานน้อย ใช้เครื่องล้างนำเข้าจากยุโรป ช่วยลดแรงงานคนในแต่ละสาขาจึงมีพนักงานประจำเพียง 3-4 คนเท่านั้น ทำให้ไม่ต้องปวดหัวเรื่องการจัดการคนจำนวนมาก 6.ลงทุนคุ้มค่า การลงทุนธุรกิจแฟรนไชส์ล้างรถอัตโนมัติกับควิกวอชเป็นการนำเอาเทคโนโลนีและนวัตกรรมเข้ามาช่วยบริหารจัดการให้รวดเร็วและสะดวกมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นธุรกิจที่อนาคตจะเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งในการเปิดแต่ละสาขา “ควิกวอช” มีการสำรวจวิเคราะห์ศักยภาพในทุกด้าน ทำให้เงินที่ลงทุนไปนั้นคุ้มค่าและได้รับการตอบแทนอย่างยั่งยืน ระยะคืนทุนไว ระยะคืนทุนจะขึ้นอยู่กับรูปแบบการลงทุน โดยระยะเวลาไวที่สุดคือ ประมาณ 2 ปี 8.ดูแลให้ในทุกขั้นตอน ดูแลช่วยเหลือในทุกขั้นตอนการดำเนินงาน พร้อมให้คำปรึกษาตั้งแต่สนใจลงทุนจนกระทั่งเปิดร้าน พร้อมทั้งมีการฝึกอบรมพนักงาน แนะนำการบริหารจัดการร้านอย่างมืออาชีพ 9.ธุรกิจยุคใหม่ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ เป็นธุรกิจตอบโจทย์ทั้งผู้ลงทุน และลูกค้าในยุคสมัยปัจจุบัน ที่ต้องการความรวดเร็ว สะดวก ทันสมัย ทำให้การล้างรถของทุกคนเป็นเรื่องที่ง่ายยิ่งขึ้น QuickWash มีกี่สาขา ในปัจจุบันควิกวอชมีร้านล้างรถอัตโนมัติที่ให้บริการครอบคลุมกรุงเทพฯ ปริมณฑล ถึง 14 สาขา โดยในปี 2565-2566 มีการขยายสาขาเพิ่มขึ้นถึง 7 สาขา และกำลังขยายสาขาเพิ่มมากขึ้นในอนาคต Quickwash ทั้ง 14 สาขาได้แก่ Quick Wash วิภาวดี 36 Quick Wash ESSO บางพูด Quick Wash ESSO หนองแขม Quick Wash PTT บางบอน Quick Wash ESSO กาญจนา Quick Wash ESSO ประชาอุทิศ Quick Wash ESSO อ่อนนุช Quick Wash ESSO ปิ่นเกล้า Quick Wash ESSO ราชพฤกษ์ Quick Wash Caltex กิ่งแก้ว Quick Wash PTT ร่มเกล้า Quick Wash Shell สายไหม Quick Wash Susco เอกชัย101 Quick Wash PTT คลอง 7 ธัญบุรี Quick Wash PTT เศรษฐกิจ (สาขาแฟรนไชส์) แฟรนไชส์ในกระแส “ธุรกิจล้างรถ อัตโนมัติ” ควิกวอช ใส่ใจทั้งคู่ค้าและลูกค้า เป็น ธุรกิจล้างรถอัตโนมัติที่ตอบโจทย์ในยุคสมัยปัจจุบันเป็นอย่างมาก ฉะนั้นหากคุณกำลังมองหาหรือสนใจ ลงทุนแฟรนไชส์ ล้างรถอัตโนมัติ “ควิกวอช” คาร์แคร์ล้างรถ อัตโนมัติ ก็เป็นอีกหนึ่งแฟรนไชส์ ที่น่าสนใจ และตอบโจทย์คนยุคใหม่ เป็นธุรกิจที่มีอนาคตเติบโตอย่างยั่งยืนเช่นกัน ตัวอย่างลูกค้าในรูปแบบพาร์ทเนอร์และแฟรนไชส์ “ควิกวอช” พร้อมดูแลและซับพอร์ตลูกค้าในทุกขั้นตอนการทำงานเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการให้คำแนะนำเป็นที่ปรึกษาไปจนถึงการดูแลหลังจากการเปิดร้าน มั่นใจได้ว่าเราจะไม่ทิ้งลูกค้าไว้ข้างหลังอย่างแน่นอน เพราะเรามีความตั้งใจที่จะเติบโตไปพร้อมๆ กันอย่างยั่งยืน “คว้าโอกาสลงทุน ธุรกิจยุคใหม่ไว้ใจควิกวอช” สนใจลงทุนสามารถติดต่อได้ที่ โทร : 092-281-2771 Line : @quickwash_th Website : https://www.quickwashthailand.com/main.php
หากใครที่กำลังสนใจวางแผนในการลงทุนแล้วหล่ะก็ แน่นอนว่าจะต้องเคยได้ยินสองคำนี้มาก่อนอย่างแน่นอน “Passive Income และ Active Income” แล้วมีใครกันบ้างที่รู้ความหมายของทั้งสองคำนี้ วันนี้เราทำความรู้จักกันให้มากขึ้นผ่านบทความนี้กันค่ะ Passive income คืออะไร ? Passive income คือ การสร้างรายได้ในอีกรูปแบบหนึ่งที่จะต้องมีการวางระบบหรือต้องใช้เงินลงทุนในช่วงแรก เพื่อให้ระบบนั้นสามารถทำงานต่อไปเองได้โดยที่เราไม่จำเป็นต้องใช้เวลาในการดูแลมากเหมือนกับในช่วงต้น หรือสามารถสร้างรายได้กระแสเงินสดให้กับเราได้ตลอดเวลา และที่สำคัญสามารถมีรายได้มากกว่าหนึ่งทางได้อีกด้วย โดยรูปแบบของ Passive Income สามารถแบ่งออกได้เป็น Passive Income ในรูปแบบของเงินสวัสดการ ยกตัวอย่าง เช่น เงินได้หลังจากกชเกษียณจากบำนาญของข้าราชการ เงินบำนาญจากประกันบำนาญ ประกันสังคม เบื้อผู้สูงอายุ และเงินออมจาก กอช. กบข. หรือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เป็นต้น เงินในส่วนตรงนี้ถือว่าเป็น Passive Income ที่รายได้ค่อนข้างแน่นอนในเวลาที่เราไม่ได้ทำงานหรือเกษียณอายุไปแล้ว Passive Income ในรูปแบบของผลตอบแทนจากทรัพย์สินต่างๆ เช่น ดอกเบี้ยเงินฝาก เงินปันผลจากประกันชีวิต เงินปันผลจากกองทุนรวมประเภทต่างๆ เงินปันผลจากหุ้น ค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น Passive Income ประเภทนี้มีหลักคิดที่ว่า “ให้เงินทำงานแทนเรา” และเป็น Passive Income ในรูปแบบที่คนส่วนใหญ่เข้าใจกัน ต้องใช้การสะสมหรือสร้างทรัพย์สินให้มากจนพอที่จะสร้างผลตอบแทนให้กับเรา เราจึงต้องสร้างการออมจาก Active Income เพื่อนำไปลงทุนสร้างทรัพย์สินที่ก่อ Passive Income Passive Income ในรูปของการให้สิทธิใช้งานทรัพย์สินทางปัญญา ในรูปของค่าลิขสิทธิ์ต่างๆ เช่นจากเขียนบทความหรือแต่งหนังสือ ลิขสิทธิ์เพลง ลิขสิทธิภาพถ่ายหรือวีดีโอการสร้างรายได้จากทรัพย์สินทางปัญญาเป็นได้ทั้ง Active Income ที่เรารับจ้างผลิตหรือผลิตเพื่อขายขาดเป็นครั้งๆ และ Passive Income ที่เราผลิตเป็นเจ้าของทรัพย์สินเองเพื่อแลกกับค่าลิขสิทธิในการนำไปใช้ตามเงื่อนไขที่ตกลงกัน Active Income คืออะไร ? Active Income คือ การทำงานเป็นชิ้นงาน หรือภาระงานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จตามกำหนด ซึ่งจะรู้จักกันดีในนิยามของคำว่า มนุษย์เงินเดือนนั่นเอง เป็นการสร้างรายได้ที่ทุกคนรู้จักคุ้นชินกันเป็นอย่างดี ซึ่งการสร้างรายได้ในรูปแบบนี้เป็นสิ่งที่จะต้องให้เวลาและลงมือทำอยู่ตลอดนั่นเอง เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร ? Active Income เราจำเป็นต้องทำงาน เพื่อให้ได้มาซึ่งรายได้ ส่วน Passive Income ใช้ทรัพย์สินทำงานแทนเรา เพื่อให้เกิดรายได้ Active Income มีเวลาจำกัด คือตราบเท่าที่เราทำงานได้ แต่ Passive Income นั้น ถึงเราจะทำงานไม่ได้แล้ว แต่เราก็ยังมีรายได้อยู่ Active Income คือการทำงานแล้วเราได้รับผลตอบแทนเกือบจะทันที เช่นได้รับเป็นค่าจ้าง แต่ถ้าเป็น Passive Income ต้องใช้ระยะเวลาเพื่อให้เกิดรายได้ พูดง่ายๆ นั่นก็คือ หลักการทำงานของ Passive Income คือการที่เงินทำงานเพื่อคุณ ส่วน Active Income คือการที่คุณทำงานเพื่อเงินนั่นเอง ดังนั้นการมีรายได้ทางเดียวอาจไม่มั่นคงสักเท่าไรนัก จึงควรมีรายได้ทั้งสองทางจะดีกว่า การสร้างรายได้จากไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด ล้วนมีความแตกต่าง แต่ไม่ว่าจะลงทุนในแบบใดต่างก็ต้องมีการวางแผน มีความรู้ ระยะเวลาที่เหมาะสม ที่แตกต่างกัน ซึ่งหากใครที่ต้องการแผนรับมือกับการเงินของตัวเองในอนาคต สามารถเลือกหรือปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับยุคสมัยหรือปัจจัยต่างๆ ของตัวเองกันได้เลย เป็นยังไงกันบ้างคะหวังว่าบทความนี้จะเป็นความรู้ให้ทุกคนกันนะคะ
อาจมีหลายคนที่คิดอยากสร้างธุรกิจใหม่ด้วยตัวเอง มากกว่าการสืบทอดธุรกิจกงสีของครอบครัวที่มีอยู่แล้ว เพราะมองว่าเป็นเรื่องยุ่งยากที่ต้องรักษาธุรกิจกงสีให้คงอยู่ต่อไป โดยปราศจากความขัดแย้งในครอบครัวที่มีสาเหตุมาจากความต่างวัยของสมาชิกในกงสี ควิกวอชเลยอยากพาทุกคนมาลองปรับมุมมอง และถอดสูตรธุรกิจกงสี ว่ามีวิธีไหนบ้างที่ช่วยให้การบริหารธุรกิจกงสีเป็นเรื่องง่าย แถมยังหมดปัญหาเรื่องความเห็นไม่ตรงกัน ที่ไม่ว่ายุคไหนก็ปรับตัวให้อยู่รอดได้ไม่ยาก โดยเฉพาะในยุคที่ดิจิทัลเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำธุรกิจแบบนี้ เรามาเริ่มถอดสูตรธุรกิจกงสีไปพร้อมกันเลย ธุรกิจกงสี คืออะไร? หากพูดถึงคำว่า “กงสี” ภาพจำของเราที่คุ้นเคยกันดีอาจหมายถึง ธุรกิจของครอบครัวคนจีนที่มาตั้งรกรากในเมืองไทย และสืบสานต่อ ๆ กันมารุ่นสู่รุ่น แต่ถ้าจะนิยามคำนี้ให้เข้าใจโครงสร้างของธุรกิจประเภทนี้จริง ๆ อาจกล่าวได้ว่า ธุรกิจกงสี คือ ธุรกิจที่สมาชิกทุกคนในครอบครัวมีส่วนร่วมในการผลิตการค้าขาย วางแผนกลยุทธ์ สร้างกฎ-กติกา และมีข้อตกลงที่สำคัญที่สุดคือ รายได้จากการทำธุรกิจต้องเก็บรวมไว้ในกงสีหรือกองกลาง เป็นกรรมสิทธิ์รวมของคนในครอบครัวที่แบ่งผลประโยชน์ร่วมกัน โดยธุรกิจกงสีมักประกอบไปด้วยคนในครอบครัวทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ รุ่นบุกเบิก เป็นรุ่นของปู่ย่าตายาย (อายุระหว่าง 75-80 ปี) ตัวแทนจากยุค Baby Boomer ที่มักจะมีลักษณะการดำเนินชีวิตแบบทุ่มเททั้งชีวิตให้กับงาน มีความอดทนสูงมาก ประหยัดอดออม เน้นการสร้างรากฐานให้มั่นคงไปถึงยุคลูกหลาน รุ่นสืบทอด เป็นรุ่นของพ่อแม่ (อายุ 50 ปีขึ้นไป) ตัวแทนจากกลุ่ม Gen-X มีช่วงชีวิตในยุคที่สงบสุข มั่งคั่ง และสุขสบาย เริ่มมีการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล มักจะเป็นคนรุ่นเก่า ที่รับข้อมูลจากรุ่นปู่ย่าตายายแล้วนำมาต่อยอดจนมีประสบการณ์ด้านการค้าเป็นอย่างดี มักจะมีแนวคิดอนุรักษ์นิยม ไม่ชอบความเสี่ยง เมื่อประสบความสำเร็จในระดับสูงจึงไม่ยอมที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรมาก เพราะรู้สึกว่าธุรกิจของตัวเองดีอยู่แล้ว ไม่กล้าทำอะไร ชอบที่จะอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย (Comfort Zone) มากกว่า รุ่นพัฒนา เป็นรุ่นของลูกชาย หรือ ลูกสาวคนโต (อายุ 30 ปีขึ้นไป) ตัวแทนจากกลุ่ม Gen-Y มักจะเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เกิดในยุคออนไลน์เฟื่องฟู ก้าวสู่โลกดิจิทัลที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ได้รับโอกาสเรียนหนังสือระดับปริญญาทั้งในเมืองไทยหรือประเทศ จึงทำให้เกิดแนวคิดอยากเปลี่ยนแปลง อยากให้ธุรกิจมีการพัฒนาหรือใช้เทคโนโลยีมากขึ้น ด้วยความต่างของวัยทำให้แนวคิดในการทำธุรกิจแตกต่างกันตามไปด้วย ยิ่งในยุคปัจจุบัน โลกกำลังเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคดิจิทัลเต็มตัว เทคโนโลยียิ่งเป็นสิ่งจำเป็นมากในการพัฒนาธุรกิจ ซึ่งผู้บริหารกิจการในแต่ช่วงวัยมีความสามารถและมุมมองเกี่ยวกับด้านนี้ที่ต่างกัน ส่งผลให้ธุรกิจกงสีจำเป็นต้องปรับตัวมากกว่าธุรกิจประเภทอื่นเป็นพิเศษ การมองหาจุดกึ่งกลางเพื่อนำพาธุรกิจกงสีให้อยู่รอด โดยปราศจากความขัดแย้งจึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ดังนั้นเราขอแนะนำวิธีที่ช่วยทำให้การบริหารธุรกิจกงสีนั้นง่ายขึ้น และสามารถพัฒนาธุรกิจกงสีให้อยู่รอดและไปต่อได้ วิธีที่ช่วยให้ธุรกิจกงสีไปรอดในยุคดิจิทัล 1. ทำความเข้าใจกันภายในครอบครัวก่อน เนื่องจากความต่างของวัยเป็นอุปสรรคหลักที่ส่งผลให้การทำธุรกิจต้องสะดุด การพูดคุยกันจึงเป็นสิ่งแรกที่ต้องทำหากอยากปรับตัวให้ธุรกิจอยู่รอด การทำงานร่วมกับคนในครอบครัวเดียวกันอาจมีเรื่องอายุเข้ามาเกี่ยวข้อง ความคิดเห็นของเด็กรุ่นใหม่มักจะถูกปัดตกไป เพียงเพราะมีอายุที่น้อยกว่า ถึงแม้บุคคลนั้นจะทำหน้าที่สำคัญให้กับธุรกิจก็ตาม ดังนั้นวิธีที่จะช่วยปรับให้ธุรกิจดูมีแบบแผน และได้รับการพัฒนาด้วยชุดความคิดใหม่ ๆ ธุรกิจกงสีจำเป็น กำหนดบทบาทสมาชิกแต่ละคนในครอบครัวให้ชัดเจน การกำหนดบทบาท ตำแหน่ง และหน้าที่ในบริษัทให้แก่คนในครอบครัวอย่างชัดเจน จะทำให้คนในครอบครัวได้รู้ว่าตัวเองมีหน้าที่และความรับผิดชอบด้านไหน ตำแหน่งอะไร ซึ่งผู้นำครอบครัวควรพิจารณาให้เหมาะสมกับทักษะความสามารถของแต่ละคน มากกว่าการให้คนในครอบครัวเลือกตำแหน่งที่ต้องการกันเอง ยึดตามหลักคิดใช้คนให้ถูกกับงาน ธุรกิจถึงจะพัฒนาไปต่อได้ แต่ถึงจะมีการกำหนดบทบาทแล้ว คนที่มีประสบการณ์น้อยกว่าก็ควรรับฟังความคิดเห็นของผู้ใหญ่ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อน ซึ่งผู้ใหญ่ก็ควรเปิดใจรับฟังคนรุ่นใหม่ด้วยเช่นกัน เปรียบเสมือนพี่เลี้ยงทางธุรกิจ ที่คอยแชร์ความรู้และให้คำปรึกษา พร้อมทั้งรับฟังสิ่งใหม่อย่างไม่ปิดกั้น เพียงเท่านี้ก็สามารถเบาใจเรื่องความขัดแย้งในเรื่องการทำงานภายในกงสี และการแสดงความคิดเห็นไปได้บ้าง แล้วต่อไปเราถึงสามารถลุยต่อกับการพัฒนาธุรกิจกงสีให้ยั่งยืนได้ 2. ขอความร่วมมือทุกคนเปิดใจศึกษาสื่อสมัยใหม่ ยุคสมัยได้เปลี่ยนแปลงไป การหยิบยกสื่อแต่ละประเภทมาใช้ในการทำธุรกิจก็เปลี่ยนแปลงตาม สิ่งที่คนรุ่นใหม่ควรสื่อสารให้คนรุ่นเก่าฟังคือ สื่อหนังสือพิมพ์ หรือโทรทัศน์ เป็นสื่อที่เริ่มจางไปในยุคนี้ สมัยก่อนธุรกิจอาจใช้ประโยชน์จากสื่อดั้งเดิมเหล่านั้นในการต่อยอดธุรกิจ แต่ในสมัยนี้ทุกอย่างได้เปลี่ยนแปลงไป กลุ่มลูกค้าของธุรกิจได้แยกย้ายและกระจายไปอยู่ในแพลตฟอร์มออนไลน์เป็นส่วนใหญ่ ธุรกิจต้องปรับตัวเข้าหาสื่อออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม โดยอาจจะปรับสัดส่วนจากสื่อเก่า ๆ มาใช้ประโยชน์จากสื่อออนไลน์ที่มีกลุ่มลูกค้าใช้เวลากับโทรศัพท์แทบจะทั้งวันจะดีกว่า เมื่อผู้บริหารรุ่นเก่าเริ่มเปิดใจและมองเห็นความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว ค่อยชี้ชวนเพื่อพูดคุยถึงการตลาดโซเชียลมีเดียเป็นลำดับถัดไป บอกให้เห็นถึงข้อดีข้อเสียและผลประโยชน์ เพื่อให้เขาได้ลองพิจารณาเพิ่มเติม โดยอาจยกตัวอย่างเคสธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมาเล่าให้พวกเขาได้เห็นภาพมากขึ้น หากทำตามวิธีที่แนะนำไปก็จะช่วยให้การพัฒนาธุรกิจ เริ่มมีโอกาสเป็นไปได้มากขึ้น และลดปัญหาความขัดแย้งที่อาจเกิดจากความไม่เข้าใจได้อีกด้วย 3. ทำทุกอย่าง ค่อยเป็นค่อยไป ทุกย่างก้าวของการทำธุรกิจอาจไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ โดยเฉพาะธุรกิจกงสี ในช่วงแรกที่เราคิดจะเข้าไปพัฒนา อาจเกิดความขัดแย้งมากมายที่มาจากอคติของแต่ละคน หากเราใจร้อนและบุ่มบ่าม อาจทำให้เราเกิดความรู้สึกอึดอัดที่จะทำธุรกิจนี้ร่วมกับครอบครัว ยิ่งถ้าแย่ไปกว่านั้น เราอาจจะรู้สึกท้อแท้และล้มเลิกความคิดในการทำธุรกิจได้ ดังนั้นสิ่งสุดท้ายที่เราอยากแนะนำให้คุณทำหากอยากให้ธุรกิจกงสีนี้ไปรอด คือ ทุกอย่างต้องค่อยเป็นค่อยไป หากทุกคนในครอบครัวมีเจตนาที่ดี ที่อยากช่วยกันสานต่อธุรกิจให้เจริญก้าวหน้าแล้ว การเปลี่ยนแปลงทุกอย่างจะส่งผลที่ดีตามมาอย่างแน่นอน เพียงแค่ขอให้ทุกคนใจเย็นพอที่จะรอดูความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นร่วมกันเท่านั้น และธุรกิจกงสีที่ร่วมสร้างกันมาอย่างยาวนาน ก็จะสามารถสืบทอดกันต่อไปได้อย่างยั่งยืน การทำงานร่วมกับครอบครัวอาจมีปัจจัยอีกมากมายที่ส่งผลกระทบต่อการเดินหน้าของธุรกิจ แต่เราเชื่อว่า เพียงแค่ยึดหลัก 3 ข้อนี้ บวกกับใจที่พร้อมจะสู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่า ไม่ว่าอย่างไร ธุรกิจกงสีก็จะยังคงรอดไปต่อได้ ไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปแค่ไหนก็ตาม ครั้งหน้าควิกววอชจะมีแง่มุมธุรกิจอะไรดี ๆ มาฝากอีก กดติดตามไว้เลย ส่วนใครที่สนใจลงทุนกับธุรกิจที่พร้อมเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน ร่วมบริหารเหมือนคนในครอบครัว ก็ฝากโมเดลธุรกิจพาร์ทเนอร์และแฟรนไชส์ของ Quickwash ไว้เพื่อพิจารณา แล้วมายกระดับแบรนด์ล้างรถอัตโนมัตินี้ไปด้วยกัน อ่านรายละเอียดการลงทุนเพิ่มเติม คลิกด้านล่างเลย
เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงจะมีความคิดที่อยากจะมีธุรกิจสักอย่างเป็นของตัวเอง ยิ่งมีเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่เอื้อต่อการสร้างธุรกิจด้วยแล้ว ความคิดที่อยากจะเป็นนายตัวเองน่าจะยิ่งชัดเจนมากขึ้น แต่บางคนก็อาจจะยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี ไม่รู้จะทำธุรกิจอะไรให้สามารถสร้างรายได้ให้กับตัวเองได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว ควิกวอชเลยจะพาทุกคนมาทำความรู้จักธุรกิจที่น่าสนใจ พร้อมแนะนำเคล็ด(ไม่)ลับในการสร้างธุรกิจที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ายุคใหม่ให้แบบจัดเต็ม เตรียมกระดาษปากกาให้พร้อมจด แล้วมาเริ่มกันเลย! ทำความรู้จักลูกค้ายุคใหม่ ถ้าคุณยังไม่มีธุรกิจในใจ การเริ่มคิดธุรกิจจากกลุ่มลูกค้าก็เป็นหนึ่งไอเดียที่ช่วยให้การสร้างธุรกิจง่ายขึ้น การที่เราเข้าใจและมองเห็นภาพของลูกค้าชัดเจน จะช่วยให้เราเลือกธุรกิจที่เป็นที่ต้องการของลูกค้า และวางกลยุทธ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น ดังนั้นเราจะมาศึกษา 4 พฤติกรรมและมุมมองของลูกค้ายุคใหม่ที่ควรรู้ไว้ ถ้าอยากให้ธุรกิจไปรอดในยุคนี้กัน ลูกค้าให้ความสำคัญกับคุณภาพ นอกจากคุณภาพของสินค้าและบริการ ลูกค้ายังให้ความสำคัญกับคุณภาพของแบรนด์อีกด้วย หากจะทำธุรกิจในยุคนี้ให้ตอบโจทย์ลูกค้ายุคใหม่ การสร้างภาพลักษณ์แบรนด์จึงเป็นเรื่องสำคัญ ต้องมีความน่าเชื่อถือ เผยมุมมองและความคิดหลาย ๆ อย่างที่ทันสมัย ดีไซน์ของสินค้าและบริการต้องได้มาตรฐาน ดึงดูดความสนใจ เพราะนั่นก็จัดเป็นหนึ่งในคุณภาพของแบรนด์เช่นกัน ลูกค้าชอบทดลองสิ่งใหม่ ในยุคที่มีธุรกิจใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย การสร้างแบรนด์ให้แตกต่างจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ ซึ่งไม่ง่ายเลยที่จะทำให้แบรนด์ของคุณ Unique ต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์สักหน่อย ดึงจุดเด่นของธุรกิจออกมาสักนิด สร้างความตื่นเต้นเพื่อเรียกลูกค้าให้หันมาสนใจ พยายามสร้างสินค้าหรือบริการใหม่ ๆ ที่ในตลาดมีน้อยหรือยังไม่มี หรืออาจจะนำสินค้าที่มีอยู่แล้วมาเพิ่มฟังก์ชันใหม่ ๆ ที่ช่วยแก้ Pain Point ให้กับลูกค้าได้ ก็เป็นไอเดียที่ดีไม่น้อยเช่นกัน ลูกค้าให้ความสำคัญกับที่มาที่ไปของสินค้า ในยุคนี้ลูกค้าสามารถเข้าถึงข่าวสาร บทความและงานวิจัยต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้นผ่านโลกอินเทอร์เน็ต ทำให้ลูกค้าเริ่มให้ความสำคัญกับที่มาของสินค้าและบริการมากขึ้น อย่างเช่น วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต กรรมวิธีต่าง ๆ รวมไปจนถึงข้อมูลการขนส่งไปจนถึงมือลูกค้า แบรนด์จึงควรมอบความจริงใจให้กับลูกค้า ไม่ขายสรรพคุณเกินจริง เน้นการรีวิวให้เห็นแบบชัดเจน จึงจะสามารถสร้างความเชื่อใจให้กับลูกค้าได้ ลูกค้าชอบความสะดวกรวดเร็ว ธุรกิจที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกสะดวกสบายมีชัยไปกว่าครึ่ง! ไม่ว่าจะขั้นตอนการซื้อ การใช้บริการ หรือการชำระเงิน หากธุรกิจของเรามีเครื่องมือที่ช่วยลดขั้นตอน และประหยัดเวลาให้กับลูกค้าได้ก็จะช่วยสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้มากขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น การโปรโมทหรือทำคอนเทนต์ขายทางช่องทางออนไลน์ก็ต้องใช้ถ้อยคำหรือคำพูดที่ทำให้เข้าใจได้อย่างรวดเร็ว กระชับ ไม่ยืดเยื้อ หยุดนิ้วลูกค้าให้อยู่กับสินค้าและบริการของธุรกิจของเราให้ได้ พอได้รู้พฤติกรรมของลูกค้ายุคใหม่แบบนี้แล้ว ก็น่าจะช่วยให้เราเลือกธุรกิจได้ตรงกลุ่มลูกค้ามากขึ้น และมีแนวทางในการสร้างธุรกิจให้ยั่งยืนได้ คราวนี้ควิกวอชจะขอชี้ช่องทางว่า ธุรกิจไหนบ้างที่ตอบโจทย์ลูกค้ายุคใหม่ ให้ทุกคนเก็บไว้ประกอบการตัดสินใจ มาดูไปพร้อมกันเลย ธุรกิจน่าสนใจที่ตอบโจทย์ลูกค้ายุคใหม่ ธุรกิจออนไลน์ E-Commerce ธุรกิจการค้าปลีกออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มเพื่อการค้ายอดนิยมต่าง ๆ เช่น Shopee, Lazada รวมถึงการทำ Affiliate Link ก็จัดเป็นธุรกิจที่มาแรงที่สุดในยุคนี้ ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ายุคใหม่ที่ชอบความสะดวกสบาย ซื้อขายได้ง่าย ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ ธุรกิจด้านอาหารและเครื่องดื่ม อาหารเป็นปัจจัย 4 ที่มนุษย์ขาดไม่ได้ ไม่ว่ายุคไหนก็ยังได้รับความสนใจจากลูกค้าทุกกลุ่ม แต่การทำแบรนด์ด้านอาหารและเครื่องดื่มในยุคนี้ต้องให้ความสำคัญกับคุณภาพอาหาร ความสะอาด และความรวดเร็ว เพราะลูกค้ายุคใหม่จะเป็นผู้ชี้ชะตาอนาคตธุรกิจของผ่านการรีวิว ถ้าลูกค้าเขียนความคิดเห็นที่ดีก็จะทำให้ร้านของคุณเป็นที่นิยมได้ แต่ถ้าลูกค้าได้รับประสบการณ์การซื้อหรือใช้บริการที่ไม่ดีแล้วนำไปรีวิว ก็อาจจะทำให้ร้านคุณเสียหายไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว ธุรกิจรับทำคอนเทนต์ออนไลน์ หลังจากช่วงโควิด – 19 ทำให้หลายคนได้ลองสร้างสรรค์คอนเทนต์ลงในช่องทางต่าง ๆ โดยเฉพาะ Tiktok แอปพลิเคชันที่มาแรงที่สุดในยุคนี้ ทุกแบรนด์ในตลาดเริ่มปรับตัวและสร้างช่องของตัวเองใน Tiktok แบรนด์ที่ไม่ถนัดสร้างคอนเทนต์เอง จึงใช้บริการธุรกิจรับทำคอนเทนต์ ในการสร้างการรับรู้ให้สินค้าผ่านคอนเทนต์สุดสร้างสรรค์ต่าง ๆ จนแบรนด์เป็นไวรัล และฟื้นตัวได้ ซึ่งกลุ่มธุรกิจรับทำคอนเทนต์นี้มีแนวโน้มว่าจะเป็นที่ต้องการอย่างมากในอนาคต ใครที่มีความคิดสร้างสรรค์ ชอบคิดอะไรแปลกใหม่ ธุรกิจนี้ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน แถมยังใช้ต้นทุนไม่สูงมากอีกด้วย ธุรกิจขนส่ง เดลิเวอรี หรือโลจิสติกส์ การเติบโตของธุรกิจ E-commerce ที่มากขึ้น ทำให้ผู้คนหันมาซื้อขายออนไลน์กันมากขึ้น ซึ่งต้องอาศัยการส่งสินค้าผ่านระบบขนส่งต่างๆ ทำให้ธุรกิจโลจิสติกส์ถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าลงทุนในอนาคต ธุรกิจเกี่ยวกับความงามและการดูแลตัวเอง ธุรกิจด้านความงาม โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องสำอาง ได้รับความนิยมอยู่แล้วในกลุ่มลูกค้าผู้หญิงไม่ว่าจะยุคไหนก็ตาม ยิ่งหลังจากที่สถานการณ์โควิด – 19 ดีขึ้นแล้ว คลินิกเสริมความงามจึงกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง หากใครสนใจทำธุรกิจกลุ่มนี้ ก็สามารถวางใจในเรื่องรายได้และยอดขายได้เลย ถ้าทำการตลาดดี ๆ ยอดปังแน่นอน แต่ที่ความสำคัญกว่านั้น ควรคำนึงถึงคุณภาพสินค้าและบริการเป็นอันดับหนึ่ง เพราะลูกค้ายุคใหม่เขาให้ความสำคัญกับเรื่องคุณภาพและที่มาของสินค้าเป็นอย่างแรกเลย ธุรกิจด้านการสอนแบบออนไลน์ โควิด – 19 ได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้ลูกค้าให้กลายเป็นคนอยู่ติดบ้านมากขึ้น ไม่อยากออกไปไหน ไม่ว่าจะเป็นการเรียนหรือการทำงาน ธุรกิจการสอนออนไลน์จึงได้รับความนิยมมากขึ้น ช่วยให้ลูกค้าได้พัฒนาตัวเองง่าย ๆ ที่บ้าน สะดวกสบาย ไม่ต้องเดินทาง ธุรกิจนี้เน้นใช้สกิลความสามารถที่มี มากกว่าเงินทุน ใครที่อยากลองเริ่มทำธุรกิจที่ใช้เงินทุนต่ำ ก็สามารถเริ่มจากธุรกิจนี้ได้ง่าย ๆ เพียงเริ่มจากการทำคอนเทนต์สอนหรือแนะนำวิธีต่าง ๆ ลงทางช่องออนไลน์ ถ้าได้รับผลตอบรับที่ดีแล้วจึงค่อยต่อยอดขยายธุรกิจให้มีมาตรฐานมากขึ้นต่อไป 7. ธุรกิจด้านเเฟรนไชส์ ธุรกิจสุดท้ายที่เราอยากแนะนำคือ ธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างที่เราแนะนำไปข้างต้นว่าลูกค้ายุคใหม่ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ของแบรนด์ การที่เราเลือกลงทุนกับธุรกิจที่มีภาพลักษณ์ที่ดี และติดตลาดอยู่แล้วก็จะช่วยให้การเริ่มธุรกิจของเราง่ายยิ่งขึ้น และทำให้รู้สึกสบายใจเรื่องยอดขายได้มากกว่า ดังนั้นจึงควรเลือกลงทุนทำธุรกิจแฟรนไชส์กับแบรนด์ที่มีมาตรฐาน และให้ความสำคัญกับแบรนด์ที่ได้รับความเชื่อใจจากลูกค้าเป็นอันดับหนึ่ง และทั้งหมดนี้คือธุรกิจที่ตอบโจทย์ลูกค้ายุคใหม่ที่ควิกวอชอยากเอามาฝากทุกคน ไว้ใช้ประกอบการตัดสินใจในการเริ่มทำธุรกิจเป็นของตัวเอง และควิกวอชขอแนะนำอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าสนใจและตอบโจทย์ลูกค้ายุคใหม่ไม่แพ้ใคร นั่นก็คือ ธุรกิจแฟรนไชส์ของ Quickwash แบรนด์ร้านล้างรถอัตโนมัติ No.1 ในใจลูกค้า มั่นใจได้ในคุณภาพและประสบการณ์ที่เราสั่งสมมา ตอบโจทย์ทั้งลูกค้ายุคใหม่ที่ต้องการความรวดเร็ว เพราะล้างไวภายใน 7 นาที และตอบโจทย์นักธุรกิจมือใหม่ที่ต้องการสูตรสำเร็จในการสร้างธุรกิจ บริหารจัดการง่าย ไม่ต้องปวดหัวเรื่องคน หากสนใจลงทุนกับเรา คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมด้านล่างได้เลย
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าธุรกิจแรกที่คนในสังคมปัจจุบันนึกถึงเมื่อคิดอยากจะเริ่มทำธุรกิจคือ ธุรกิจออนไลน์ ควิกวอชเลยจะพาทุกคนมาทำความรู้จักธุรกิจประเภทนี้ และหาคำตอบไปพร้อมกันว่า ทำไมธุรกิจออนไลน์จึงเติบโตและเป็นที่นิยมได้มากขนาดนี้กัน ธุรกิจออนไลน์ คืออะไร? ธุรกิจออนไลน์ เป็นธุรกิจที่ดำเนินกิจการผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ค ซึ่งมักจะเป็นการขายสินค้าทางอินเทอร์เน็ต หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า E-Commerce โดยส่วนใหญ่จะดำเนินการขายผ่านแพลตฟอร์มยอดนิยมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น เว็บไซต์, Facebook page, Instagram หรือแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ที่เข้ามามีบทบาทอย่างมากในช่วงหลังสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 อย่าง Shopee, LAZADA และ Tiktok Shop โดยประเภทของธุรกิจออนไลน์นั้นมีความหลากหลายมากขึ้นตามความต้องการของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขายอาหารออนไลน์ ธุรกิจสายสุขภาพ ธุรกิจบันเทิงสร้างคอนเทนต์ออนไลน์ หรือการทำการตลาดแบบ Affiliate ที่แม้ไม่มีสินค้าก็สามารถสร้างรายได้ขึ้นมาได้ จากข้อมูลของบริษัทวิจัยด้านการตลาดอย่าง eMarketer ได้ทำการสำรวจว่า ในปี 2020 ที่โลกเจอกับ COVID-19 เต็มรูปแบบครั้งแรก ปรากฎว่ายอดขายสินค้าออนไลน์ทั่วโลก (Retail E-Commerce Sales) มีมูลค่าสูงถึง 4.2 ล้านล้านดอลลาร์ เติบโตถึง 26% สวนทางกับยอดขายหน้าร้านทั่วโลก (Retail Sales) ที่ติดลบราว 3% ในขณะที่ในปี 2021 มูลค่ายอดขายสินค้าออนไลน์ทั่วโลกจะเติบโตสูงขึ้นไปอีกที่ 17% และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องไปอีกเฉลี่ยปีละ 11% ยาวไปจนถึงปี 2025 เลยทีเดียว ซึ่งข้อมูลชุดนี้ช่วยยืนยันว่าธุรกิจออนไลน์เป็นธุรกิจที่กำลังมาแรง และเติบโตอย่างต่อเนื่องจริงๆ เราจึงอยากพาทุกคนไปหาคำตอบว่าทำไมธุรกิจออนไลน์ถึงเติบโตได้มากขนาดนี้กัน ทําไมธุรกิจออนไลน์จึงเติบโตและเป็นที่นิยมในปัจจุบัน? 1. ซื้อขายง่าย ๆ เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ต เหตุผลแรกที่ทำให้ธุรกิจออนไลน์เป็นที่นิยมและเติบโตไว คือ ปัจจุบันเป็นยุคแห่งดิจิทัล ยุคที่ทุกคนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ ทำให้การซื้อขายสินค้าและบริการเป็นเรื่องง่ายตามไปด้วย ตอบสนองความต้องการความสะดวกสบายให้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย โดยผู้ซื้อสามารถเข้าถึงสินค้าได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เพียงปลายนิ้วคลิกเข้าแอปพลิเคชัน หรือเว็ปไซต์ต่าง ๆ โดยไม่ต้องเสียเงินและเวลาเพื่อไปหน้าร้าน และผู้ขายสามารถสร้างธุรกิจได้ง่าย ๆ สามารถตอบโต้กับลูกค้าได้ตลอดเวลาเพียงแค่มีอินเทอร์เน็ต และไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้าน ซึ่งนั่นนำไปสู่เหตุผลข้อที่สอง 2. ธุรกิจออนไลน์ต้นทุนต่ำ กำไรสูง อย่างที่บอกไปในข้อแรกว่าเพียงแค่มีอินเทอร์เน็ตก็สามารถสร้างธุรกิจออนไลน์ได้ ไม่จำเป็นต้องหาเช่าพื้นที่หน้าร้าน สามารถบริหารกิจการผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ได้เลย แถมยังสามารถเริ่มธุรกิจได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องเสียค่าจ้างคน นอกจากจะช่วยลดต้นทุนในเรื่องหน้าร้านและแรงงานได้แล้ว ธุรกิจออนไลน์บางประเภทยังไม่จำเป็นต้องเสียเงินสั่งสต็อคสินค้าไว้กับตัว ยกตัวอย่างเช่น การทำตลาดแบบ Affiliate เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ใช้การรีวิว เชิญชวน หรือแนะนำสินค้าและบริการต่างๆ ผ่านลิงก์ที่กำหนดไว้ หากมีคนกดเข้าไปซื้อสินค้าและบริการดังกล่าว ผู้ที่แนะนำก็จะได้รายได้กลับมาในรูปแบบค่าคอมมิชชั่น ธุรกิจออนไลน์จึงจัดเป็นธุรกิจที่ใช้ทุนทรัพย์น้อยในการสร้างธุรกิจ และมีลู่ทางในการสร้างกำไรได้ค่อนข้างสูง 3. สร้างยอดขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง การนำสินค้าของเราไปฝากไว้ในช่องทางการขายออนไลน์ ทำให้ลูกค้าของเราสามารถเข้าถึงสินค้าของเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยที่เราไม่จำเป็นต้องนั่งเฝ้าตลอด ต่างจากการขายแบบมีหน้าร้านที่จำเป็นต้องสแตนด์บายอยู่กับสินค้าอยู่เสมอ อีกทั้งยังมีเวลาเปิดปิดที่ค่อนข้างจำกัด ทำให้ยอดขายสินค้าน้อยกว่าการขายแบบออนไลน์หลายเท่าตัว ธุรกิจออนไลน์จึงเป็นธุรกิจแรก ๆ ที่นักธุรกิจมือใหม่ตัดสินใจเริ่มทำ 4. มีระบบสำหรับขยายธุรกิจและเพิ่มยอดขาย แต่ละแพลตฟอร์มต่างพัฒนาระบบและลูกเล่นต่าง ๆ ให้เอื้อต่อการขยายธุรกิจออนไลน์ ยกตัวอย่างเช่น การมีเครื่องมือรายงานสถิติการเข้าชมสินค้าและบริการ ระยะเวลาในการเข้าชม และข้อมูลอื่นๆ ที่จำเป็นสำหรับการวิเคราะห์ในด้านต่างๆ ของการทำธุรกิจออนไลน์ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะช่วยทำให้เราสามารถวิเคราะห์และวางกลยุทธ์ของธุรกิจให้ส่งไปถึงกลุ่มเป้าหมายตัวจริงได้ และช่วยให้เพิ่มยอดขายของเราให้สูงขึ้นตามไปด้วย ทำให้ธุรกิจออนไลน์สามารถบริหารได้ง่ายขึ้น และเติบโตอย่างรวดเร็ว 5. สินค้าสามารถกระจายไปได้ทั่วโลก เหตุผลสุดท้ายที่ทำให้ธุรกิจออนไลน์เติบโตอย่างมากในปัจจุบัน คือ ธุรกิจออนไลน์สามารถกระจายสินค้าไปได้ทั่วโลก ผ่านการยิงโฆษณา โดยแต่ละแอปพลิเคชันจะเก็บข้อมูลความสนใจของผู้บริโภคมาใช้สำหรับการโฆษณาสินค้าที่เกี่ยวข้อง ซึ่งปกติที่เราทำธุรกิจแบบมีหน้าร้าน เราจะสามารถสร้างการรับรู้ให้กับสินค้าของเราได้เพียงแค่บริเวณใกล้เคียงหน้าร้านเท่านั้น หากสนใจโฆษณาก็ต้องใช้ต้นทุนที่สูง แต่การทำธุรกิจออนไลน์สามารถโฆษณาสินค้าของเราไปได้ไกลมากขึ้น ในราคาที่ถูกกว่า สร้างการรับรู้เป็นวงกว้าง ลูกค้าที่อยู่คนละจังหวัดกันสามารถเข้าถึงสินค้าได้มากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นคือสามารถส่งออกต่างประเทศไปทั่วโลกได้อีกด้วย แม้การยิงโฆษณาออนไลน์จะมีค่าใช้จ่ายที่ไม่สูงมาก ขึ้นอยู่กับแต่ละปัจจัย แต่ถ้าหากวางแผนไม่ดีก็อาจทำให้ขาดทุนได้เช่นกัน ดังนั้นจึงควรวางแผนการใช้เงินในส่วนนี้ให้รอบคอบและคุ้มค่าที่สุด จากเหตุผลทั้งหมดที่บอกไปก็อาจจะทำให้เข้าใจได้มากขึ้นว่าเพราะอะไร ธุรกิจออนไลน์จึงเติบโตและเป็นที่นิยมในหมู่นักธุรกิจมือใหม่ได้มากขนาดนี้ ใครที่กำลังลังเลว่าจะทำธุรกิจออนไลน์ดีไหม? หวังว่าหลังจากอ่านบทความนี้จะช่วยให้ทุกคนตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ส่วนใครที่มีพื้นที่ หรือ มีเงินทุนแต่ไม่รู้จะเริ่มทำธุรกิจอะไรดี ควิกวอชขอนำเสนอธุรกิจที่บริหารจัดการง่าย ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ รายงานยอดขายแบบเรียล์ไทม์ ไม่ต้องปวดหัวเรื่องจัดการคน อย่างธุรกิจร้านล้างรถอัตโนมัติของ Quickwash ไว้พิจารณาอีกหนึ่งธุรกิจ ใครที่สนใจศึกษาโมเดลธุรกิจของควิกวอชเพิ่มเติม คลิกด้านล่างได้เลย!
การลงทุนก่อนชีวิตวัยเกษียณหลายคนอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องที่ไกลตัว แต่ความจริงแล้วเป็นสิ่งที่สำคัญที่ทุกคนไม่ควรมองข้าม เพราะในช่วงวัยเกษียณเป็นช่วงที่คุณไม่สามารถทำงานเพื่อหาเงินมาเพื่อเลี้ยงชีพตัวเองได้ในขณะ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเราถึงต้องแผนการลงทุนเพื่อใช้ชีวิตวัยเกษียณ วันนี้เราจึงอยากนำเสนอบทความ “8 สิ่งต้องรู้ เตรียมลงทุนก่ออนเกษียณ” เพื่อเป็นแนวทางในการเริ่มต้นการลงทุนเพื่อชีวิตในวัยเกษียณของทุกคนกันค่ะ 1.กำหนดอายุเกษียณของตัวเอง ข้อแรกเลยคือการกำหนดว่าตัวเองจะเกษียณอายุในช่วงอายุเท่าไหร่ ซึ่งโดยปกติคนส่วนใหญ่ช่วงวัยที่เกษียณอายุจะอยู่ในช่วง 55 - 60 ปี และหลังจากเกษียณอายุมนุษย์มักมีอายุอยู่ได้ประมาณ 80 ปี แต่หากมากกว่านั้นก็จะมีอายุอยู่ที่ประมาณ 90 ปี ซึ่งนั่นก็หมายถึงว่าช่วงเกษียณอายุของคุณจะอยู่ที่ประมาณ 25 ปีนั่นเอง หมายความว่าเราจะต้องวางแผนการลงทุนเพื่อทำให้ 25 ปีนี้เรามีเงินเพื่อใช้จ่าย 2.กำหนดจำนวนเงินที่ต้องการหลังเกษียณ การกำหนดจำนวนค่าใช้จ่ายหลังการเกษียณสามารถอิงได้จากค่าใช้จ่ายในปัจจุบัน โดยพิจารณาจากว่าในปัจจุบันมีรายจ่ายที่ออกไปในแต่ละเดือนเท่าไหร่ โดยหักเงินลงทุนในวัยเกษียณส่วนนี้ออกไป เช่น หากคุณอายุ 30 ปี แต่คุณต้องผ่อนรถเดือนละ 6000 เป็นเวลาแปดปี ให้คุณไม่ต้องคิด 6000 บาทส่วนนี้ เพราะเป็นส่วนเงินที่ต้องหมดก่อนหลังการเกษียณ โดยให้คุณคำนวณจากค่ากินค่าใช้จ่ายอุปโภคบริโภค หรือจะเรียกได้ว่าค่าปัจจัยสี่ทั้งหลายในชีวิต ยกตัวอย่างเช่นในแต่ละเดือนคุณใช้เงินอยู่ที่ราว ๆ 20,000 บาท ทั้งนี้จะต้องคำนวณอัตราเงินเฟ้อด้วย เพราะในปัจจุบันอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นในทุกๆ ปี ทำให้ต้องนำข้อมูลในส่วนตรงนี้มาคำนวณเงินในช่วงวัยเกษียณด้วยเพื่อให้เกิดความสอดคล้องกัน โดยอัตราเงินเฟ้อปริมาณของประเทศไทยประมาณ 2 ถึง 3% ต่อปี โดย 20 ปีข้างหน้าหากคุณเกษียณ เงิน 20,000 บาทจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า สูงสุดถึง 40,000 บาท หากจะคำนวณเป็นเลขกลม ๆ ก็จะเท่ากับเดือนละ 40,000 x 12 = 480,000 บาทต่อปี โดยอายุหลังการเกษียณคิดเป็น 20 ปี ดังนั้นคุณควรจะมีเงินหลังการเกษียณทั้งหมด 9,600,000 บาท โดยประมาณนั่นเองค่ะ 3.ประมาณค่าใช้จ่ายและรายได้หลังการเกษียณ เมื่อถึงเวลาในช่วงวัยเกษียณ คุณจะต้องประมาณการณ์ว่าในช่วงนั้นคุณจะมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง โดยจะต้องคำนึงถึงความเป็นไปได้ในปัจจุบันด้วย เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าครองชีพต่างๆ และนอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงรายได้หลังการเกษียณ เช่น เงินบำนาญ ซึ่งบางท่านเองก็อาจจะไม่มีรายได้ในส่วนตรงนี้ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลอีกเช่นเดียวกัน 4.คำนวณค่าใช้จ่ายและเงินออมที่มีอยู่ โดยให้คุณคำนวณจากค่าใช้จ่ายในปัจจุบันว่าคุณมีเงินออมเท่าไหร่ มีเงินประกันหรือว่าเงินกองทุนต่างๆ สำรองไว้หรือไม่ ซึ่งเราจะนำเงินในส่วนตรงนี้ที่เรามี มาคำนวณเงินในช่วงวัยเกษียณว่าจะต้องเก็บออมหรือหาเพิ่มเติมอีกเท่าไหร่ จึงจะสามารถใช้ชีวิตในวัยเกษียณได้โดยที่ไม่ลำบาก 5.วางแผนการออมในปัจจุบันให้ดี ทำปัจจุบันให้ดีที่สุดด้วยการวางแผนการออมเงินให้ดี โดยตัวคุณเองจะต้องมีระเบียบวินัยในการออมเงิน โดยคุณสามารถออมเงินได้หลากหลายประเภทไม่ว่าจะเป็นการเก็บเงินเข้าบัญชี หรือจะเป็นการลงทุนกับกองทุนรวมต่าง ๆ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเลือกการออมเงินในรูปแบบไหน 6.วางแผนการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อที่ดินในการเก็งกำไรในอนาคต หรือจะเป็นการซื้อคอนโดไว้ปล่อยเช่าก็เป็นอีกหนึ่งวิธีในการวางแผนลงทุนประเภทใช้สินทรัพย์แทนการออมเงิน โดยการลงทุนประเภทนี้จะมีราคาที่เพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ เสมือนกับดอกเบี้ย แต่การลงทุนหลังเกษียณก็อาจมีความเสี่ยงอยู่ไม่มากก็น้อย ดังนั้น ควรกระจายความเสี่ยงในการลงทุนหลาย ๆ ประเภท เช่น ลงทุนกับตราสารหนี้ไทย ตราสารหนี้ต่างประเทศ หุ้น ทองคำ น้ำมัน อสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยให้ลดความเสี่ยงที่จะขาดทุนและอาจช่วยเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนได้ 7.วางแผนการเงินก่อนเกษียณเพิ่มขึ้น เมื่อคุณมีเป้าหมายในการลงทุนแล้ว คุณก็จะเห็นถึงทิศทางในการลงทุนเองว่าจะต้องวางแผนเก็บหลังเกษียณอย่างไร ให้คุณออมเงินอย่างสม่ำเสมอและมีระเบียบวินัยกับตัวเองมากที่สุด เพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมายของเงินออมที่คุณได้ตั้งไว้นั่นเอง 8.ติดตามและตรวจสอบแผนเกษียณอยู่เสมอ ข้อสุดท้ายของการวางแผนเกษียณสไตล์มนุษย์เงินเดือน หากคุณวางแผนเก็บเงินออกมาสักระยะ ให้คุณคอยติดตามเงินที่คุณออมเอาไว้ว่าตอนนี้มีเท่าไหร่แล้ว หรือยังขาดอีกเท่าไหร่ โดยเป็นการติดตามและรายงานผลให้กับตัวคุณเอง เพื่อการออมเงินอย่างเป็นระบบที่มากขึ้น เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับบทความที่เรานำมานำเสนอ “8 สิ่งต้องรู้ เตรียมลงทุนก่ออนเกษียณ” หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เพื่อนเตรียมตัวและวางแผนการเงินเพื่อลงทุนใช้ในวัยเกษียณอายุของตัวเองกันง่ายขึ้นกันนะคะ ที่มา : https://online.scbprotect.co.th/content/retirement-plans-for-salaryman