เครื่องล้างรถอัตโนมัติเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้เข้ากับสังคมยุคสมัยใหม่ เพราะเป็นสิ่งที่สะดวกทั้งในด้านผู้ให้บริการ หรือด้านของลูกค้าผู้ใช้บริการก็ทั้งสะดวกและประหยัดขึ้น หากจะพูดถึงเครื่องล้างรถอัตโนมัติ ทุกคนเคยสงสัยกันไหมว่ามีจุดเริ่มต้นมาจากอะไร ตั้งแต่ตอนไหน และตอนนี้เครื่องรถอัตโนมัติมีเทคโลโลยีอะไรที่ตอบโจทย์เพิ่มมากขึ้นบ้างแล้ว ในสมัยก่อนการล้างรถอัตโนมัติยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก มีเพียงการล้างด้วยตัวเองหรือเข้าใช้บริการร้านคาร์แคร์ที่มีพนักงานให้บริการเท่านั่น ซึ่งก็มีการเกิดปัญหาเช่น เกิดปัญหารอนาน ราคาค่าใช้จ่ายสูง ของหาย เป็นต้น เครื่องล้างรถอัตโนมัติจึงเข้ามาแก้ปัญหาเหล่านี้ เครื่องล้างรถอัตโนมัติ เครื่องล้างรถอัตโนมัติที่เรานำมานำเสนอในวันนี้มี 2 รูปแบบ คือ 1.แบบอุโมงค์ล้างรถอัตโนมัติ รูปแบบอุโมงค์ล้างรถอัตโนมัติ เปรียบเหมือนเป็นหุ่นยนต์ขนาดใหญ่โดยมีโครงสร้าง และสายพานลำเลียงที่แข็งแรงเพื่อเคลื่อนย้ายยานพาหนะน้ำหนักมากกว่า 30 ตัน เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง และแปรงปัดช่วยให้มันทำความสะอาดรถได้อย่างทั่วถึง การล้างรถอัตโนมัติเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 1951 ในเมืองซีแอทเทิล รัฐวอชิงตัน และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา อุตสาหกรรม และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องได้พัฒนาขึ้นอย่างมาก อุโมงค์ล้างรถที่ทันสมัย ประกอบด้วยชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวได้หลายพันชิ้น น้ำยาล้างหลากชนิด และแวกซ์ พร้อมเครื่องควบคุมอัตโนมัติ เซนเซอร์ และเครื่องวัดเพื่อการทำความสะอาดที่มีประสิทธิภาพ โดยไม่สร้างความเสียหาย การล้างรถที่มีประสิทธิภาพสามารถกำจัดซากแมลง ขี้นก และไขมันที่เกาะบนผิวรถออกได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาที ขั้นตอนจะเริ่มต้นด้วยการฉีดน้ำ ซึ่งโดยปกติจะมีความเป็นด่างอ่อน แล้วจึงล้างด้วยแชมพู ตามมาด้วยการเพิ่มน้ำยาโฟม เพื่อการทำความสะอาดได้อย่างหมดจด ส่วนหลักประกอบด้วยแปรง 2-5 ชิ้น ที่เรียกว่า ตัวขัด และมีแปรงปัดวางในแนวนอนเพื่อทำความสะอาดหลังคารถ มีการเพิ่มแวกซ์เพื่อรักษาสีรถ ป้องกันรอยขีดข่วน และรังสียูวี ตัวโครง และแปรง ขับเคลื่อนด้วยระบบไฮดรอลิค และควบคุมการทำงานด้วยระบบคอมพิวเตอร์ บางขั้นตอนจะมีการตั้งโปรแกรมล่วงหน้า เช่น การเพิ่มความเร็วของแปรงปัดเมื่อผ่านด้านหน้าของรถ เนื่องจากเป็นที่รวบรวมสิ่งสกปรกมากที่สุด การล้างรถส่วนอื่นๆ ก็อาศัยเซนเซอร์ และการตอบสนอง เช่น ระบบโฟโทอีเลคทริค ที่มีหน้าที่จับตำแหน่ง และตรวจจับรูปร่าง ขั้นตอนสุดท้าย คือ ทำให้แห้ง ข้อมูลในคอมพิวเตอร์จะเคลื่อนไหวตามการเคลื่อนไหวของแปรงที่จดจำไว้จากขั้นตอนก่อนหน้านี้ ด้านในของเครื่อง สายพานลำเลียงที่ซับซ้อนของเครื่องล้างรถอัตโนมัติ ใช้อะไรล้าง ที่จุดเริ่มต้น ลูกค้าสามารถเลือกโปรแกรมการล้างได้ สายพาน จากนั้นลูกค้าขับรถเข้าอุโมงค์ ซึ่งสายพานลำเลียงจะดึงและยึดล้อหน้าซ้ายเอาไว้ โฟม ที่จุดเริ่มต้นของอุโมงค์ หัวฉีดแบบ 2 ทิศทางจะฉีดพ่นโฟมที่ใช้สำหรับขจัดคราบน้ำมัน ล้างน้ำครั้งแรก หัวฉีดถัดไปจะฉีดน้ำสะอาด เพื่อขจัดสิ่งสกปรกและเศษหินจากสีรถ ทำความสะอาดล้อ ใช้สารเคมีโดยเฉพาะสำหรับขจัดคราบฝุ่นที่มาจากเบรค ล้อ และยาง ทำความสะอาดใต้รถ ใช้หัวฉีดที่ติดตั้งอยู่ที่พื้นอุโมงค์ทำความสะอาดใต้ท้องรถ แปรง แปรงปัดรถยนต์จะใช้เซนเซอร์ที่ใกล้กับตัวรถ เพื่อให้แน่ใจว่าได้ปัดลงบนพื้นผิวของรถอย่างพอดี ลงแวกซ์ อีกประตูหนึ่งจะฉีดพ่นรถด้วยแวกซ์เพื่อให้ตัวรถมีความเงางาม ทำให้แห้ง เครื่องเป่าขนาดใหญ่จะเป่าอากาศร้อนเพื่อทำให้รถแห้ง บางครั้งมีผ้าม่านแนวตั้งเพื่อทำให้รถแห้ง 1. เซนเซอร์ในเครื่องล้างรถจะตรวจจับรูปร่าง ตำแหน่งของรถ และหมุนแปรงปัดไปรอบๆ 2. โฟมล้างรถ และการหมุนแปรงปัดด้วยความเร็วสูงจะช่วยให้รถสะอาดเอี่ยมก่อนออกไปจากอุโมงค์ 3. ระบบการล้างแบบไร้สัมผัสมีแนวโน้มว่าจะเร็วกว่าการล้างแบบเข้าอุโมงค์อัตโนมัติ 4. การผสมผสานระหว่างแชมพู กับน้ำแรงดันสูง และการเสียดสีของแปรงปัดช่วยให้ทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึง 2.ล้างรถแบบจอดรถอยู่กับที่ เครื่องล้างจะทำงานโดยการหมุนรอบรถ ในรูปแบบนี้ถือว่าหนึ่งในความก้าวหน้าล่าสุดของอุตสาหกรรมล้างรถอัตโนมัติ คือ ระบบการล้างรถโดยปราศจากการสัมผัส ระบบล้างแบบนี้จะหมุนหัวฉีดไปรอบๆ รถ โดยปราศจากการทำความสะอาดด้วยแปรงหรือผ้า ขั้นตอนเริ่มจาก ฉีดน้ำแรงดันต่ำให้รถเปียก ก่อนจะลงแชมพูที่ผลิตขึ้นมาพิเศษสำหรับการล้างรถ หลังจากนั้นแปรงล้างรถจะททำการหมุนสะบัดรอบตัวรถ เพื่อเป็นการขจัดคราบความสกปรกต่างๆ ออก จากนั้นฉีดน้ำแรงดันสูงเพื่อล้างแชมพูออก ลงแวกซ์และเป่าลมไล่คราบน้ำให้หมาด และในรูปแบบสุดท้ายนี้ หากพูดถึงร้านล้างรถอัตโนมัติแล้ว ก็คงจะต้องพูดถึงควิก ร้านล้างรถอัตโนมัติที่มีเครื่องล้าง เรามาลองดูสเป็คของเครื่องล้างอัตโนมัติของที่ร้านกันค่ะ ว่าเป็นอย่างไรบ้าง เครื่องล้างรถอัตโนมัติของควิกวอช เป็นเครื่องล้างอัตโนมัติ Istobal รุ่น M’Start ที่มาพร้อมกับนวัตกรรมใหม่ขั้นเทพด้วยการล้างระบบแรงดันสูง ทำความสะอาดล้ำลึกทุกซอกทุกมุมและยังมาพร้อมกับภาพลักษณ์สุดเท่ห์ล้ำสมัย เหมาะกับทุกธุรกิจ เช่น ร้านล้างรถในเมือง สถานีให้บริการน้ำมันหรือแก๊ส คอนโดหรู รองรับการล้างต่อเนื่องเพียงปุ่มสัมผัส ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ฉีกทุกการล้างรถแบบเดิมๆ โดยมีเทคโนโลยีที่อำนวยความสะดวกมากมาย Controller ด้วยการทำงานที่ชาญฉลาดได้มาตรฐานและมีความยืดหยุ่นสูงของโปรแกรมโปรโตรคอล ที่ช่วยเพื่มประสิทธิภาพการสื่อสารของการทำงนเครื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพลดการเดินสายไฟและช่วยให้เครื่องทำงานได้อย่างคล่องตัว Command post หน้าจอโพสออกคำสั่งช่วยให้ทุกองค์ประกอบภายนอกของเครื่องทำงานเชื่อมต่อกัน มีทั้งแบบมาตราฐานและแบบหน้าจอสัมผัส FLEXIBILITY Configuration of programs สามารถเลือกปรับความกว้างและสูงได้เองตามใจชอบ โครงสร้างที่มั่นคงและขนาดกระทัดรัด มีให้เลือกถึง 4 ระดับ MECHANISM Brush tilt การล้างได้อย่างแม่นยำและสะอาดล้ำลึกด้วยตัวแปรงเอียง 10 องศาของด้านข้างแปรง PERFORMANCE High pressures เครื่องทำงานด้วยแรงดันสูงก่อนขั้นตอนการล้าง ทำให้ชำระล้างเอา สิ่งสกปรก ฝุ่นละออง คราบโคลน คราบดิน ออกจากตัวรถก่อนทำการลงแชมพู EFFECTIVE DRYING เครื่องเป่าลมในตัวด้วย ผนวกกับหัวฉีดเครื่องเป่าแนวนอนและเครื่องแสกน รถอัจริยะทำให้เป่าแห้งได้รวดเร็ว ให้ผลลัพธ์ที่เยี่ยมยอดมากขึ้น จำนวน 2 ตัว เพื่อความพอดีกับด้านบนของตัวเครื่องจะทำให้แห้งสนิทรวดเร็ว COMMUNICATIONS ตัวเครื่องล้างอัตโนมัตจะติดต่อสื่อสารกับอุปกรณ์ที่มี IW MANAGER การจัดการและควบคุมซอฟต์แวร์ของตัวเครื่อง สามารถใช้งานได้ทั้งจากตัวเครื่องและการเชื่อมต่อระยะไกล WHEEL WASH เพื่อการล้างรถที่สมบูรณ์แบบจำเป็นอย่างยิ่งต้องทำการล้างล้อและบังโคลน มีให้เลือกทั้งมีหรือไม่มีแรงดันสูง และตัวแปรงแบบเบนหรือเกลียว GLOSSY POLISH MIRROR สินค้าแนะนำสำหรับการเคลือบแว็กซ์แบบเงางามเสมือนกระจกเงา หลังจากการล้างรถแปรงจะทำหน้าที่นวดพื้นผิวรถให้ริ้วเงาอยู่ตลอดเวลา SPLASH SCREENS วัสดุคุณภาพสูง Perspex กับอลูมิเนียมเสริมด้วยการออกแบบที่สอดคล้องกับตัวเครื่องทีมีความปลอดภัยสูงทั้งยังปฏิบัติงานได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นตัวเลือกแนะนำหลีกเสี่ยงน้ำกระเด็นหรือสาดในระหว่างการล้าง แปรงล้างนุ่ม ไร้ขนแมว ตัวแปรงทำจากวัสดุโฟม ฟูนุ่ม น้ำหนักเบา ไม่อมน้ำ เคลือบด้วยน้ำยาพิเศษที่ไม่ทำให้เกิดร่องรอยและไม่ทำห้เกิดอันตรายต่อสีรถเพิ่มความเงางามมากขึ้น เครื่องล้างรถอัตโนมัติได้ถูกสร้างและพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ที่ชอบความสะดวกสบาย พัฒนาให้เข้ากับทันยุคสมัยที่เปลี่ยนไป อย่างไรก็ตามในอนาคตข้างหน้าเครื่องล้างรถอัตโนมัติอาจจะมีเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์และทันสมัยมากขึ้นกว่านี้ มารอดูการพัฒนาของเครื่องล้างรถอัตโนมัติในอนาคตไปพร้อมๆ กันนะคะ คลิก!! โหลด App Carmunity เพื่อสะสมแต้ม 👇🏻
ถ้าพูดถึง การล้างรถ ก็คงเป็นสิ่งที่ทุกคนคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วว่าการล้างรถเป็นการทำความสะอาดสิ่งสกปรก และเป็นใส่ใจดูแลให้รถดูใหม่อยู่เสมอ แต่ทุกคนทราบกันหรือไม่ว่าแล้วต้องล้างรถบ่อยแค่ไหน ถึงจะเรียกว่าพอดี แบบไหนที่เป็นการดูแลเอาใจใส่รถของเราอย่างถูกต้องที่สุด ล้างรถบ่อยแค่ไหน? ถึงจะเรียกว่าพอดี ผู้เชี่ยวชาญในการดูแลสีรถแนะนำว่าควรล้างรถอย่างน้อยทุกหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ เป็นการล้างใหญ่ทั้งหมดทั้งภายนอกและภายใน อีกทั้งยังได้ดูแลสีรถด้วยการเคลือบผิวให้เงางามอีกด้วย แต่ในความเป็นจริง ช่วงเวลาสามารถยืดหยุ่นได้ตามความเหมาะสม สำหรับประเทศไทยเป็นประเทศที่มีอุณหภูมิความร้อนสูงและแสงแดดเป็นตัวบ่อนทำลายความเงางามของสีรถได้เป็นอย่างดี หรือถ้าเป็นฤดูฝนการที่รถของเราตากฝน เม็ดฝนที่โดนกับตัวรถนั้นมีมลพิษที่ติดลงมาด้วยบวกกับรถของเราซึ่งมีฝุ่นจากมลภาวะบนท้องถนนอยู่แล้วจึงทำให้ตัวรถของเราดูโทรมมากขึ้น และยังกระตุ้นให้เกิดสนิมได้เมื่อเปรียบเทียบกับรถที่ได้รับการล้าง ดูแล เคลือบสีอยู่สม่ำเสมอ ยิ่งถ้ารถของเราคราบขี้นกหรือยางจากต้นไม้ที่มีสภาพความเป็นกรดสูง แล้วปล่อยให้เกาะกับสีรถนานเกินไป คราบจะยิ่งฝังลึกล้างหรือขัดออกยาก เพราะฉะนั้นควรล้างออกทันทีที่เห็นคราบเหล่านี้ ถ้าไม่อยากให้รถมีคราบที่เอานอกไม่ได้นอกเสียจากต้องทำสีรถใหม่อย่างเดียว หากไม่ล้างและปล่อยไว้เป็นเวลานานจะมีผลอย่างไร การล้างรถ คือ การชะล้างสิ่งสกปรกออกจากพื้นผิวรถ แน่นอนว่าหากคราบสกปรกเหล่านั้นถูกสะสมไว้เป็นเวลานานอาจก่อให้เกิดปัญหาตามมาได้ เช่น รถผุ เกิดสนิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาฤดูฝนที่มักมีโคลน ดิน ติดตามตัวถังรถได้บ่อย จึงต้องการล้างทำความสะอาดทุกครั้งที่ตรวจเจอ ดีกว่าปล่อยให้คราบเหล่านี้เกาะตัวฝังแน่นติดกับตัวรถกลายเป็นปัญหาภาวะสีด่าง สีของรถไม่เท่ากัน กลายเป็นปัญหาที่ใหญ่มากขึ้นไปอีกได้ ถ้าล้างรถต้องมาคู่กับการลงแว็กซ์ เคลือบสีรถอยู่เสมอหรือไม่ หลังจากการดูแลรถด้วยการล้างรถไปแล้วนั้น รถยนตร์ส่วนใหญ่ก็ต้องการการบำรุงเพิ่มเติม ซึ่งผลิตภัณฑ์นี้จะป้องกันและดูแลสีรถยนต์ให้เงางามเหมือนใหม่อยู่ตลอดเวลา สิ่งนี้เรียกว่า “แว็กซ์” ซึ่งแว็กซ์ไม่ได้ทำหน้าที่แค่ความเงางามที่มอบให้กับตัวรถอย่างเดียวเท่านั้น แต่ตัวแว็กซ์นี้ยังช่วยป้องกันสารเคมีต่างๆ ที่คอยทำลายความความเงางามของรถ เช่น ขี้นก ยางต้นไม้ ฝุ่นละอองหรือแม้กระทั่งความร้อนจากแสงแดด ตัวแว็กซ์จะช่วยปกป้องไม่ให้สิ่งเหล่านี้มาทำลายสีรถ หรือย่างน้อยก็ลดความรุนแรงที่จะมีผลต่อสภาพสี เมื่อสีรถได้รับการเคลือบปกป้องจากตัวแว็กซ์นี้ก็เหมือนเป็นการสร้างเกาะป้องกันไว้ชั้นหนึ่งให้กับสีรถได้เลย ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรทำทุกครั้งหลังจากล้างรถเสร็จ เพราะแว๊กซ์เป็นสารเคมีที่สามารถถูกล้างออกไปได้ ไม่ติดแน่นไปกับสีรถโดยตลอดเพราะฉะนั้นควรเคลือบแว็กซ์ใหม่ทุกครั้งเพื่อการปกป้องสีรถที่ดีที่สุด ถ้าไม่ล้างรถ สามารถทำความสะอาดด้วยวิธีอื่นได้ไหม ? การล้างรถไม่จำเป็นจะต้องลงแรงล้างทุกครั้งที่มีคราบสกปรกเสมอไป ถ้าหากรถของเรามีการลงแว็กซ์ เคลือบสีอยู่แล้วละก็มีการผสมสารป้องกันการเกาะติดของคราบเปื้อนไม่ให้ฝังแน่น สำหรับฝุ่นละอองที่พบเจออยู่ทุกวัน สามารถใช้ไม้ขนไก่ขนนุ่มปัดทำความสะอาด แล้วใช้ผ้านุ่ม เช็ดวนพร้อมขัดรถไปในตัว ก็สร้างความเงางามให้กับรถได้เช่นเดียวกัน หรือถ้าเจอคราบเปื้อนเป็นจุด ๆ การใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดเฉพาะส่วน ก็สามารถทำได้ง่าย แต่เมื่อใดก็ตามที่มองดูแล้วความเปื้อนสกปรกไม่ว่าจากฝุ่น หรือโคลนกระจายไปรอบคัน สามารถใช้น้ำล้างทำความสะอาดโดยรอบโดยที่ไม่ต้องลงน้ำยาล้างรถ รถก็ดูสะอาดเหมือนใหม่ได้ด้วย ระยะเวลาที่เหมาะสำหรับการทำความสะอาดภายในตัวรถ การทำความสะอาดภายในตัวรถหรือพื้นที่บริเวณห้องโดยสารก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม ควรทำความสะอาดเป็นประจำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพราะฝุ่น ความสกปรก หรือเชื้อโรคต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็นอาจจะติดอยู่ตามเบาะหรือซอกมุมต่างๆ ในตัวรถก็ได้เราจึงต้องมีรอบการทำความสะอาดที่สม่ำเสมอ เพื่อรถที่สวยงามและเพื่อสุขภาพร่างกายที่ดีของเจ้าของรถและผู้โดยสารทุกคน สรุปคือการล้างรถเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ใช้รถยนต์ควรทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่ต้องเจอมลภาวะในหลากหลายฤดู เพราะฉนั้นควรล้างทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอเพื่อรักษาความสะอาดของตัวรถยนต์และเพื่อสุขภาพที่ดีของทุกคนอีกด้วย ซึ่งความเหมาะสมตามที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำคืออย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเหมาะสมตามเจ้าเจ้าของรถยนต์พิจารณา หากทำได้ตามนี้รถของคุณก็จะดูสะอาดเงางามเหมือนใหม่อยู่ตลอด ขอบคุณข้อมูลจาก : mottoraka , chobrod
ธุรกิจล้างรถ หรือธุรกิจคาร์แคร์เป็นธุรกิจที่มีมายาวนาน และยังเป็นธุรกิจที่สามารถเติบโตได้ในตลาด แต่หากต้องการเติบโตในธุรกิจก็ต้องพัฒนา และปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อม รถยนต์เป็นพาหนะที่อำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน และการที่มีรถยนต์ก็ต้องดูแลรักษา ซ่อมบำรุงเพื่อยืดอายุการใช้งาน คาร์แคร์จึงเป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่มีการเติบโตและน่าจับตามองแต่เนื่องจากเวลาที่เปลี่ยนไป สังคมที่เปลี่ยนแปลง จึงได้มีการพัฒนาจากล้างคนที่ใช้แรงงานเป็นล้างด้วยเครื่องล้างอัตโนมัติ และปัจจุบันธุรกิจล้างรถที่เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย เพระาด้วยความสะดวกรวดเร็ว และตอบโจทย์คยยุคใหม่ หลายคนคงเคยได้ยินการล้างรถรูปแบบใหม่อย่าง การล้างรถอัตโนมัติ มาบ้างแล้ว แต่ก็มีหลายคนเช่นกันที่ยังไม่ทราบว่า การล้างรถอัตโนมัติต่างจากการล้างรถทั่วไปอย่างไร? มีประโยชน์อย่างไร? เรามี 3 เหตุผลมาตอบคำถามที่ว่า ทำไมต้องล้างรถอัตโนมัติกัน สะดวก รวดเร็ว เพิ่มเวลาชีวิต การล้างรถเป็นการดูแลรถที่ใช้เวลาไม่น้อย ลำพังจะทำเองก็ใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าจะครอบคลุมครบทุกจุด จะให้ร้านล้างให้ก็คงใช้เวลาไม่น้อย ยิ่งถ้าล้างก่อนเดินทางไปไหน เห็นว่าคงไม่ทันเวลา แต่จะไม่ล้างก็ไม่ได้ การล้างรถอัตโนมัติจึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ช่วยเซฟเวลาให้คุณสามารถนำรถที่สะอาดหมดจดไปใช้งานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เพราะการล้างรถอัตโนมัติช่วยให้รถของคุณสะอาดและได้รับการดูแลครบทุกจุดในเวลาไม่เกิน 10 นาที เพียงเท่านี้.. คุณก็จะมีเวลาเหลือไปทำอย่างอื่นพร้อมรถคู่ใจที่สะอาดหมดจดได้แล้ว สะอาด ไร้รอย ดูแลครบครัน หากเราไม่ได้เป็นคนล้างรถด้วยตัวเอง ก็คงอดกังวลไม่ได้ว่ารถจะสะอาดหรือไม่? มีรอยขีดข่วนหรือเปล่า? แต่ถ้าเป็นการล้างรถด้วยเครื่องล้างรถอัตโนมัติแล้ว บอกได้เลยว่า “หายห่วง” ด้วยระบบที่คิดค้นมาให้เป็นมิตรต่อรถ เส้นใยที่ใช้ล้างนั้นผลิตจากวัสดุประเภทโฟมที่ให้สัมนุ่มนวลกับรถของคุณ ไร้รอยขีดข่วน คงไว้ซึ่งสภาพที่สวยงามดังเก่า อีกทั้งยังสะอาดหมดจุดเพราะได้รับการทำความสะอาดที่ครอบคลุมทุกจุด มั่นใจได้เลยว่าการล้างรถอัตโนมัติจะช่วยให้คุณคลายกังวลเรื่องความสะอาดและความปลอยภัยของรถได้อย่างปลิดทิ้ง สบายกระเป๋า คุ้มค่า คุ้มราคา จากเหตุผลสองข้อที่กล่าวไป จะเห็นได้ว่าการล้างรถอัตโนมัตินั้น ช่วยดูแลรถของคุณให้สะอาดด้วยเวลาอันสั้น และครอบคลุมครบทุกจุด ถึงแม้ว่าจะดูแลได้ดีขนาดนี้ แต่ค่าบริการเริ่มต้นกลับไม่ได้สูงอย่างที่คิด จ่ายแบงค์ร้อยมีทอน! เทียบกับการล้างที่ Car Care ดูแล้วจัดว่าคุ้มค่าไม่เบา ช่วยให้คุณนำเงินในกระเป๋าไปใช้ในส่วนอื่นได้อีกสบายๆ ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้คงช่วยให้คุณตัดสินใจได้ไม่ยาก หากต้องการดูแลรถให้ครบครันคลอมคลุมทุกจุดในเวลาเร่งรีบ หลังจากนี้ เราหวังว่าคุณจะให้การล้างรถอัตโนมัติเป็นตัวเลือกแรกในการดูแลรถ และเปิดใจลองใช้บริการดูสักครั้ง เพราะการล้างรถอัตโนมัติจะเปลี่ยนภารกิจยุ่งยากให้เป็นเรื่องง่ายและใช้เวลาน้อยกว่าที่คิด
เคยสงสัยกันมั้ยว่า ทำไมเราต้องล้างรถ วันนี้แอดจะมาแชร์สาเหตุหลักที่เราต้องล้างรถ เพราะการล้างรถก็เหมือนกับการที่เราอาบน้ำดูแลตัวเองเป็นประจำเสมอ ไม่งั้นจะเกิดคราบไคลเป็นชั้นๆ ส่งผลให้ดูแลยากระยะยาว และการดูแลรถก็มีหลายวิธี การล้างรถเป็นวิธีเบื้องต้นที่เราสามารถทำให้รถสวยเงางามได้ และเป็นวิธีที่่ง่ายที่สุดอีกด้วย เพราะนอกจากการนำรถยนต์เข้าศูนย์เช็คระยะแล้ว “การล้างรถ” ก็ถือเป็นขั้นตอนหนึ่งของการดูแลรักษารถยนต์เพื่อช่วยให้รถดูสะอาดและเป็นการถนอมสีรถไปในตัวที่ผู้ใช้รถยนต์จะต้องรู้ด้วย แต่ทั้งนี้จะต้องเป็นขั้นตอนการล้างรถจะต้องเป็นวิธีล้างรถที่ถูกต้องด้วยเช่นกัน แล้วการล้างรถมีประโยชน์อะไรกันบ้าง เรามาลองอ่าน 5 เหตุผลที่ผ่านบทความนี้กันค่ะ 1.เพื่อเป็นการดูแลรักษารถยนตร์ให้สะอาดอยู่ตลอดเวลา เพราะการล้างรถเป็นขั้นตอนที่ทำให้รถของเราสะอาดและดูดี ในปัจจุบันมีร้านคาร์แคร์และธุรกิจล้างรถ ล้างอัดฉีด ดูดฝุ่นอำนวยความสะดวกให้เลือกใช้บริการมากมาย ไม่ว่าจะเป็น บริการล้าง Car Care แบบเดิมที่ล้างด้วยคน, การบริการ ล้างรถ Drivethru ที่ล้างด้วยเครื่องล้างอัตโนมัติ ไม่ต้องลงจากรถ เป็นต้น ซึ่งการล้างรถให้รถสะอาดอยู่เสมอ ยังเป็นการบ่งบอกความใส่ใจดูแลรถของเจ้าของรถคันนั้นๆ อีกด้วย 2. เพื่อขจัดคราบสกปรกและฝุ่นละออง ต้นเหตุที่ทำลายสีของรถ คราบสกปรกและฝุ่นละออง ต้นเหตุที่ทำร้ายสีของรถยนต์ ความสกปรกต่าง ๆ เป็นสิ่งที่ผู้ใช้รถยนต์ต้องเจอกับปัญหานี้อยู่เป็นประจำไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ไม่ว่าจะเป็น เศษดินเศษหิน เม็ดทรายขนาดใหญ่ น้ำเสีย หรือสารพัดสิ่งสกปรกที่มาจากบนท้องถนน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ล้วนเป็นต้นเหตุตัวร้ายที่ทำลายผิวรถยนต์ของคุณให้เสียหายได้ ซึ่งเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่ารถยนต์ของเราจะต้องเจอกับอะไรบ้าง การปล่อยคราบสิ่งสกปรกเหล่านี้ทิ้งไว้นานอาจเกาะติดพื้นผิวรถยนต์ของและพอกพูนขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้สีรถหมอง และสิ่งที่แย่ไปกว่านั้นอาจแปรสภาพกลายเป็นคราบฝังลึก โดยวิธีแก้ก็จะยากกว่าโดยใช้วิธีการขัดสีเพียงอย่างเดียว เป็นเหตุให้ต้องมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นอีก 3. เพื่อเป็นการถนอมสีรถ และทำให้สีรถยังคงเงางาม สำหรับผู้ที่ให้ความใส่ใจทางด้านสีสัน ความเงางามของรถยนต์เป็นพิเศษ เราขอแนะนำวิธีการดูแลรถยนต์ที่ได้ผลดีมาก นั่นก็คือ การแว๊กซ์รถ ให้รถดูสวยเงางามขึ้น โดยสามารถเอารถเข้าคาร์แคร์หรือบริการธุรกิจล้างรถต่างๆ หรือจะแว๊กซ์เองก็ได้ การทำความสะอาดและการดูแลในแต่ละครั้งสามารถช่วยดูแลสีของรถคุณให้สวยเงางามได้ ไม่ใช่ว่าจะมีการทำสีใหม่เพียงอย่างเดียว แต่การทำความสะอาดแล้วลงน้ำยาเคลือบเงาก็ยังรักษาสีรถของคุณให้เงางามอยู่เสมอ ซึ่งข้อดี ของน้ำยาเคลือบเงา คือ ฝุ่นสิ่งสกปรกจะจับตัวได้ยาก และน้ำฝนก็ไม่สามารถทำให้เป็นรอยได้ วิธีนี้ก็จะทำให้รถของคุณดูใหม่อยู่ตลอดเวลา ไม่ต้องกังวลเรื่องคราบและรอยเปื้อนแต่อย่างใด การดูแลรถเบื้องต้น มีดังนี้ การขัดสีรถ คือ การขัดผิวหน้าสีหรือแล็กเกอร์ออกไป เพื่อลบรอยที่เกิดจากตราบยางไม้ ขี้แมลง และอื่น หลังจากที่เราได้ขัดสีเรียบร้อยแล้ว ผิวหน้าของสีก็จะดูเรียบเนียน สวยและมีความเงางามมากยิ่งขึ้น การเคลือบสี คือ การเคลือบเพื่อปกป้องผิวสีที่ถูกขัดออกไปให้มีความแข็งแรงทนทานต่อรอยที่จะเกิดมากขึ้น ซึ่งการเคลือบนั้นก็ต้องดูตามน้ำยาเคลือบกำหนดเพื่อให้มีอายุการใช้งานยาวนั่นเอง 4. ลดโอกาสการเกิดคราบฝังแน่น คราบฝังแน่นนี้เกิดจากการใช้รถยนต์ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยง เช่น คราบน้ำมัน คราบท่อไอเสีย มลภาวะ หรือสารเคมีที่กระเด็นมาติดขณะอยู่บนท้องถนน สิ่งเหล่านี้ค่อนข้างหลุดออกได้ยาก หากไม่ได้ล้างรถเป็นเวลานานก็จะเกิดครบฝังแน่นล้างออกได้ยาก หลายคนอาจจะคิดว่าแค่ฝนตก ก็สามารถชำระคราบสิ่งสกปรกได้หมดแล้ว แต่ความเป็นจริงหลังฝนตกหากมองด้วยตาเปล่า รถยนต์ของคุณอาจดูเหมือนสะอาดขึ้น แต่หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อเราใช้รถไปเรื่อยๆ โดนลม โดนแดดจนน้ำฝนระเหยแห้ง อนุภาคทั้งหลายที่เกาะติดตามพื้นผิวของตัวรถยนต์ก็จะแห้งไปด้วย แล้วกลายเป็นคราบฝังแน่นบนพื้นผิวรถ ซึ่งนอกจากจะทำความสะอาดได้ยากขึ้นแล้ว เมื่อนานไปจะกัดกร่อนสารเคลือบสีและส่งผลให้สีรถยนต์ของคุณซีดได้ ทางที่ดีหลังจากรถของคุณฝ่าฝนมาใหม่ๆ ควรหาเวลาล้างรถด้วยตัวเองโดยใช้น้ำฉีด ตามด้วยการลงแชมพูล้างรถให้ทั่ว แล้วฉีดน้ำล้างฟองออกจนสะอาด ถึงจะไม่สะอาดเนี้ยบเหมือนใช้บริการคาร์วอช แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้คราบต่างๆ ที่มองไม่ค่อยเห็นนั้นแห้งติดสะสมเป็นคราบฝังลึก 5. ช่วยป้องกันคราบจากเศษใบไม้ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะจอดรถใต้ร่มไม้ไม่ได้ แล้วทราบกันไหมคะหากจอดรถใต้ร่มไม้หลังจากฝนตกอาจมีเศษใบไม้ เกสรดอกไม้ เศษกิ่งไม้เล็กๆ หรือแม้แต่ตัวแมลง เมื่อสิ่งเหล่าแห้งติดบนพื้นผิวรถจะเกิดเป็นคราบแห้งกรัง ทำให้ทำความสะอาดได้ยาก รอยเปื้อนบางจุดล้างด้วยแชมพูล้างรถอย่างเดียวไม่ออก ต้องพึ่งพาน้ำยาทำความสะอาดชนิดพิเศษจากบริการคาร์วอชเท่านั้น เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับ 5 เหตุผลดีๆ ที่ตอบข้อสงสัยว่า ทำไมต้องล้างรถ สามารถช่วยตอบข้อสงสัยและเพิ่มความรู้ทำให้เห็นถึงความสำคัญของการล้างรถกันแล้วใช่ไหมคะ ถ้าเห็นถึงประโยชน์ของการล้างรถกันแล้ว อย่าลืมหันมาใส่ใจดูแลรถยนต์ของคุณด้วยการล้างรถที่ถูกวิธีกันนะคะ และหากคุณกำลังมองหาร้านล้าง หรือดูแลรถที่ไว้ใจได้ทั้งคุณภาพมาตรฐานก็แวะมาใช้บริการที่ Quickwash ได้เลยค่ะ เราพร้อมดูแลรถคุณให้สวยเหมือนใหม่และใส่ใจทุกรายระเอียด