E-mail : Quickwashthailand@gmail.com Tel : 092-281-2771

มุมมองในอนาคตรถยนต์จะเป็นอย่างไร?

          ทุกคนเคยสงสัยกันไหมคะว่า ในอนาคตข้างหน้ารถยนต์จะมีหน้าตาเป็นยังไง สามารถใช้น้ำแทนน้ำมันเชื้อเพลิงได้ไหมนะ ?

วันนี้เราเลยนำมุมมองของรถยนต์ในอนาคตที่หลาย สื่อคาดการณ์ว่า ใกลถึงจุดสิ้นสุดของรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อพลิงกันแล้ว และรถยนต์ไฟฟ้าก็กำลังเข้ามามีบทบาทมากขึ้น เรียกว่าเป็นกระแสข่าวเทคโนโลยีรถยนต์ที่น่าจับตามองมากเลยทีเดียว เมื่อบริษัทรายใหญ่และผู้ผลิตรถยนต์หลายเจ้า เริ่มคิดค้นและเดินหน้าผลิตรถยนต์ไฟฟ้า นวัตกรรมใหม่ที่โลกต้องจารึก ซึ่งในปัจจุบันนี้เห็นได้จากเทรนด์รถยนต์ที่นำเทคโนโลยีไร้คนขับมาใช้กันมากขึ้นแล้วด้วย

ใกล้หมดยุคของรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงแล้วจริงหรือไม่

ในปี 2050 มีการคาดการว่าน่าจะ หมดยุคของรถที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงกันแล้ว เพราะในหลายประเทศกำลังตื่นตัวกับการใช้รถพลังงานไฟฟ้า เพราะเป็นทรัพยากรหมุนเวียน ใช้งานได้ง่าย ประหยัดค่าใช้จ่าย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้งยังลดมลพิษทางอากาศได้ดีอีกด้วย ซึ่งในปัจจุบันประเทศไทย รถยนต์ไฟฟ้าได้เริ่มเข้ามาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับทุกคนโดยสำนักข่าวบลูมเบิร์กมองว่ารถไฟฟ้ามีแนวโน้มครองสัดส่วนทางการตลาดรถใหม่ในอังกฤษเพิ่มมากถึง 80% ภายในปี 2040 เนื่องจากต้นทุนผลิตแบตเตอรี่กำลังลดลง ส่งผลให้ราคารถยนต์ไฟฟ้าถูกลงตามไปด้วย แต่หากเป็นรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเดียวคงไม่เพียงพอที่จะดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคในสมัยนี้ได้ หลายบริษัทผู้ผลิตรถยนต์จึงต้องหันมาเร่ง

ลงทุนในส่วนของรถยนต์ไฟฟ้าพร้อมกับเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับไปควบคู่กัน ดังนั้นรถยนต์ไฟฟ้าไร้คนขับจึงตอบโจทย์กับเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่สุด มีการกำหนดรูปแบบการใช้งานรถยนต์ออกเป็ 2 แบบกว้างๆ โดยสำหรับรูปแบบแรกนั้น ไมค์ แรมซีย์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ การ์ทเนอร์ บริษัทวิจัยเทคโนโลยีในสหรัฐ กล่าวว่า รถยนต์หรูไร้คนขับ คืออนาคตของรถยนต์ในปี 2040ภายในรถยนต์ยุคปี 2040 จะเต็มไปด้วยความหรูหรา ผมมองว่า รถยนต์ส่วนบุคคลน่าจะมีความน่าตื่นตาตื่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะคนที่แค่ต้องการใช้รถเดินทางเพียงอย่างเดียวนั้น จะหันไปซื้อรถมือสองหรือใช้บริการขนส่งสาธารณะมากกว่แรมซีย์กล่าว พร้อมเสริมว่า รถในอนาคตจะมีฟังก์ชั่นการใช้งานมากมาย เช่น สามารถปรับที่นั่งหันเข้าหากันได้ หรือมีหน้าจอรถที่เต็มไปด้วยรายละเอียดมากมายกว่าในปัจจุบันและรูปแบบรถยนต์แห่งอนาคตอย่างที่ 2 คือรถยนต์จะกลายเป็นบริการสาธารณะ

New call-to-action

เพราะเมื่อรถขับเคลื่อนได้เองแบบอัตโนมัติ คนก็ไม่จำเป็นต้องซื้อรถมาขับเองอีกต่อไป โดยรูปแบบดังกล่าวเริ่มปรากฏขึ้นแล้วในขณะนี้ เช่นบริการให้เช่ารถ หรือบริการไรด์-แชริ่งของอูเบอร์และลิฟต์ ซึ่งผู้ให้บริการไรด์-แชริ่งทั้งสองราย รวมถึงบริษัทไรด์-แชริ่งอื่นๆ ก็เริ่มลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับแล้ว แรมซีย์ มองว่า รถยนต์ไร้คนขับอาจกลายเป็นบริการมากกว่าจะเป็นทรัพย์สินส่วนบุคคลมากขึ้นเรื่อยๆ คล้ายกับว่าเป็นตัวกลางขนส่งผู้คน โดยไปรับส่งตามจุดบริการต่างๆ แล้วไปให้บริการดังกล่าวกับคนอื่นๆ ต่อไปทั้งนี้ แรมซีย์ กล่าวเสริมว่า รูปแบบการใช้รถยนต์ทั้งสองแบบน่าจะเกิดขึ้นพร้อมๆ กันภายในปี 2040 ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง ไม่แน่ว่าผู้คนอาจขับรถยนต์กันน้อยลง และการขับรถอาจกลายเป็นงานอดิเรกอย่างหนึ่งแทนการขับเพื่อใช้สัญจรในชีวิตประจำวันก็เป็นได้

 

ข้อดีของเทคโนโลยีในอนาคต

  1. ช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนนในการใช้เทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการคำนวณระบบภายในแบบอัตโนมัติ
    หากยานยนต์สมัยใหม่ทำเข้ามาใช้ก็จะเป็นการช่วยลดอุบัติเหตุที่เกิดจากความประมาทได้มากขึ้น
  1. ลดภาวะโลกร้อนอย่างที่ทราบกันรถยนต์ไฟฟ้า เป็นพลังงานที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้และยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา จึงไม่เกิดภาวะเลือนกระจก
  1. ช่วยอำนวยความสะดวกเมื่อเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากขึ้นก็จะอำนวยความสะดวกทั้งเจ้าของรถ
    และผู้ใช้บริการรถยนต์สาธารณะมากขึ้น
  1. ลดความเสี่ยงในคดีอาญาเพราะการใช้รถยนต์แบบระบบอัตโนมัติ รถจะเคลื่อนที่ได้เอง ไม่ต้องมากังวลกับอุบัติเหตุจากความประมาทจนทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต
  1. ค่าใช้จ่ายพลังงานไฟฟ้าถูกกว่าน้ำมันเป็นที่แน่นอนว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า รถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้า ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าทำให้ผู้ใช้งานประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้หลายเท่าตัว

 

ข้อเสียของเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับ

ในเมื่อมีข้อดีก็ต้องมีข้อเสียอย่างแน่นอน เรามาดูข้อเสียของการที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากขึ้นกันดีกว่าค่ะ

  1. รถยนต์ราคาค่อนข้างสูงรถยนต์พลังงานไฟฟ้า จะต้องใช้การผลิตที่มีประสิทธิภาพสูง ย่อมส่งผลให้รถยนต์ประเภทดังกล่าวราคาสูงมาก เช่น Tesla Model S ที่มีราคาสูงถึง 2 ล้านกว่าบาท หรือแม้แต่รถยนต์ที่มีราคาถูกสุดอย่าง Nissan Leaf ก็ยังมีราคาเริ่มต้นในสหรัฐฯ สูงถึง 1 ล้านบาทเลยทีเดียว
  1. ระยะทางถูกจำกัดการเดินทางด้วยรถยนต์ไฟฟ้าถูกจำกัดเพราะว่า สถานีการชาร์ตพลังงานของรถยนต์ไฟฟ้ายังมีไม่ครอบคลุมและทั่วถึงขึ้นอยู่กับความจุของแบตเตอรี่ หากมีความจุน้อยก็อาจไม่เหมาะกับการเดินทางไปในพื้นที่ห่างไกลมากนักหรือหากใช้งานผิดวิธีก็จะเกิดความเสียหายได้
  1. ไม่ได้เหมาะกับทุกคนเสมอไปถึงจะมีข้อดีมากมาย แต่ข้อดีเหล่านั้นหากมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากๆ ก็อาจทำให้ผู้ใช้รถอาจปรับตัวไม่ทันจนไม่สามารถเปิดใจงานรถยนต์ได้
  1. ยังไม่แน่ชัดในความปลอดภัยเนื่องจากการใช้เทคโนโลยีการในคำนวณ ก็อาจมีการเกิดความผิดพลาดของระบบ หรือระบบป้องกันความปลอดภัยอื่น จึงทำให้เกิดความไม่แน่ชัดในความปลอดภัยแล้วเราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าจะปลอดภัย เราควรศึกษาว่าบริษัทไหนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้มีคุณภาพ และปลอดภัยต่อการใช้งานสูง สำหรับในกรณีเคสที่ผ่านมาได้มีการทดลองขับรถยนต์ไฟฟ้าเทสลา แล้วเกิดชนกับหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์จนพังเสียหาย จึงจำเป็นต้องตรวจสอบที่มาที่ไป และระบบการทำงานต่างๆ หรือจะเลือกซื้อในอนาคตก็ต้องตัดสินใจให้ดีว่าจะใช้งานในบ้านเราได้จริงใช่ไหม ถ้าหากเราเดินทางในระยะทางไกล หรือเปิดแอร์ทิ้งไว้นาน ก็อาจจะทำให้เเบตเตอรี่หมด รถเสียได้ และถ้าเราไม่รู้วิธีซ่อม ก็อาจจะทำให้เกิดอันตรายได้เช่นกัน จนกว่าในอนาคตจะมีการทดสอบที่แน่นอนว่ารถยนต์ที่เราเลือกซื้อจะปลอดภัยจริงๆ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับมุมมองในอนาคตรถยนต์ กับข้อดีข้อเสียที่เรานำมาเสนอให้ทุกคนได้อ่าน หลายคนอาจจะดูเป็นสิ่งไกลตัวแต่สิ่งเหล่านี้เริ่มเห็นเป็นรูปเป็นร่างได้ลางๆ ในปัจจุบันแล้วนะคะ เราเองในฐานะผู้ใช้รถยนต์ก็ต้องอย่าลืมค่อยๆ ปรับตัวเตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีอยู่เสมอนะคะ

ที่มาboltech , POST TODAY

New call-to-action

 

 

Promporn Suw

Promporn Suw

Content Creator

Related posts

จุดเริ่มต้นของ Tesla ผู้ที่จะมาทำให้วงการยานยนต์สั่นสะเทือน

          ในปัจจุบันน้ำมันราคาขึ้นสูง ทำให้ รถ Ev หรือรถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก...

Continue Reading

ทำความรู้จัก TESLA Model ทั้ง 4 รูปแบบ

มาทำความรู้จักกับแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าชื่อดังอย่าง TESLA (เทสล่า)...

Continue Reading

หลักคิดของ Tesla คิดอย่างไรให้ก้าวมาเป็นผู้นำด้านตลาดรถยนต์

จากการที่ได้เห็นจุดเริ่มต้นของเทสล่า สิ่งที่ช่วยส่งเสริม...

Continue Reading