E-mail : Quickwashthailand@gmail.com Tel : 092-281-2771

8 เคล็ดลับ คนใช้รถต้องรู้

การดูแลรถยนต์หลายคนอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องยาก เราจึงนำ 8 เคล็ดลับ คนใช้รถต้องรู้ ซึ่งขั้นตอนการดูแลสามารถนำไปปฏิบัติได้จริงด้วยตัวเองได้เลย อาจเป็นเรื่องที่ที่ทุกคนรู้อยู่แล้วหรืออาจจะเป็นเรื่องที่ทุกคนยังไม่รู้ก็ได้นะ เราลองมาอ่านตามกันได้เลยค่ะ

1.ขับขี่อย่างนุ่มนวล

5.ขับรถ

          การขับรถอย่างนุ่มนวลเพื่อรักษาสุขภาพตัวรถ ยกตัวอย่างเช่น การออกตัวแบบไม่กระชาก การเว้นระยะเบรก การชะลอความเร็วเพื่อเข้าโค้งหรือการเลี้ยวไปยังอีกเส้นทาง นอกจากจะช่วยให้ตัวรถยนต์ของคุณสมบูรณ์อยู่ยาวนาน ยังเป็นการช่วยลดความเสี่ยงอุบัติเหตุที่เกิดจากความประมาทได้อีกด้วย

2.ล้างรถสัปดาห์ละครั้ง

6.ล้างรถ

           การล้างรถถือเป็นวิธีการดูแลรถยนต์อย่างง่ายที่สุด โดยผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าการล้างรถที่เหมาะสมคือ 1 ครั้ง/สัปดาห์ การล้างรถจะช่วยชะล้างสิ่งสกปรกที่มีฤทธิ์กัดกร่อนให้หลุดออกผิวรถ เป็นการป้องกันไม่ให้เกิดคราบสกปรกฝังแน่นเพราะหากปล่อยไว้นานอาจก่อให้เกิดปัญหาตามมาได้ เช่น รถผุ เกิดสนิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาฤดูฝนที่มักมีโคลน ดิน ติดตามตัวถังรถได้บ่อย จึงต้องการล้างทำความสะอาดทุกครั้งที่ตรวจเจอ ดีกว่าปล่อยเป็นปัญหาที่ใหญ่มากขึ้นไปอีกได้ ในขั้นตอนสุดท้ายของการล้างรถภายนอกควรลงแว็กซ์ให้คราบเหล่านี้เกาะตัวฝังแน่นติดกับตัวรถกลายเป็นปัญหาภาวะสีด่าง สีของรถไม่เท่ากัน กลายเป็นปัญหาที่ใหญ่มากขึ้นไปอีกเพราะฉนั้นเราจึงต้องล้างรถบ่อยๆ เพื่อเป็นการป้องกันรถของคุณจากคราบความสกปรก

          เมื่อล้างรถเสร็จแล้วสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือ "การแว็กซ์ (Wax)" เพราะการแว็กซ์เป็นอีกขั้นตอนสำคัญในการดูแลรถ จะช่วยเพิ่มความเงางาม และเป็นการรักษาสีของรถยนต์ให้ดูใหม่อยู่ตลอดเวลา นอกจากทำความสะอาดภายนอกแล้วก็ควรทำความสะอาดภายในตัวรถด้วย ไม่ว่าจะเป็น การดูดฝุ่นภายในรถ การซักเบาะ ซักพรมปูพื้น ก็เป็นอีกสิ่งที่ควรทำคราวเพื่อไม่ให้เกิดสิ่งหมักหมมและเป็นอันตรายต่อทางเดินหายใจ

3.เช็กและดูแลยางรถยนต์

7.เช็กลมยาง

          เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ใครหลายคนละเลยสำหรับการเช็กลมยาง ขั้นตอนการเช็กลมยางควรต้องตรวจสอบแรงดันลมยางอย่างสม่ำเสมอ เพราะยางรถยนต์ มีหน้าที่ในการรับน้ำหนักของตัวรถทั้งคัน หากขาดการตรวจเช็กอย่างสม่ำเสมออาจทำให้เกิดปัญหาด้านการขับขี่จนเกิดอันตรายได้ แต่หากมีการตรวจเช็กลมยางตามคู่มืออยู่เสมอ นอกจากจะปลอดภัยในการขับขี่แล้วยังเป็นการประหยัดน้ำมันได้อีกด้วย

         โดยเราจะต้องตรวจสอบแรงดันลมยางอย่างสม่ำเสมอโดยเติมลมยางตามคู่มือรถอย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง และอีกหนึ่งสิ่งที่ควรทำ นั่นก็คือการเปลี่ยนยางตามสภาพของยางรถยนต์ ยางรถยนต์จะมีระยะการใช้งานที่เหมาะสม ขอแนะนำให้คุณเปลี่ยนยางที่มีอายุการใช้งานยางรถยนต์มากกว่า 10 ปีขึ้นไป ถึงแม้ว่ายางเหล่านั้นจะยังดูสามารถใช้ได้ดีก็ตาม แต่เมื่อยางเหล่านี้เกิดความแข็ง และมีการเปราะ รวมถึงรอยแตกเล็ก ๆ ที่แทบมองไม่เห็นที่อาจเกิดขึ้นบริเวณดอกยางและแก้มยาง ซึ่งทำให้ประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนลดลงเป็นอย่างมาก หากเปลี่ยนแล้วจะเป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเบรก การยึดเกาะถนนรวมถึงเสียงที่ดังขึ้นในระหว่างการขับขี่

4.เปลี่ยนน้ำมันเครื่องเมื่อครบกำหนด

8.เติมม้ํามันเครื่อง

การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเป็นสิ่งที่เราได้ยินกันบ่อยๆ แล้วทำไมถึงต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเมื่อครบระยะเวลากำหนดด้วยหล่ะ เป็นเพราะน้ำมันเครื่องเปรียบได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญของรถยนต์เลยก็ว่าได้ ทำหน้าที่หล่อลื่นชิ้นส่วนต่างๆ ของเรื่องยนต์ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยระบายความร้อนให้เครื่องยนต์ ปกป้องชิ้นส่วนภายในของเครื่องยนต์และเป็นการชำระสิ่งสกปรกออกอีกด้วย การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องควรที่จะเปลี่ยนทุก ๆ 8,000 กิโลเมตร ไม่เกิน 10,000 กิโลเมตรหรือทำการเปลี่ยนทุกๆ 4 เดือน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แต่ละรูปแบบ

New call-to-action

5. เช็กหัวเทียนเป็นประจำ

9.เช็กหัวเทียน


หัวเทียน เป็นชิ้นส่วนที่สำคัญสำหับเครื่องยนต์ เป็นอุปกรณ์สร้างประกายไฟ เช่นเมื่อเราสตาร์ทเครื่องยนต์ ตัวคอยล์จะทำหน้าที่จุดระเบิดส่งกระแสไฟไปยังหัวเทียน ทำงานร่วมกับน้ำมันและอากาศ ทำให้เกิดการระเบิดและเผาไหม้ เพื่อดันลูกสูบให้เคลื่อนที่ขึ้น-ลง สร้างกำลังในการขับเคลื่อนตัวรถอีกด้วย แล้วทำไมเราถึงต้องเปลี่ยนหัวเทียนเป็นประจำหล่ะ ?

เพราะเมื่อหัวเทียนถูกใช้งานไปได้ระยะหนึ่ง จะเกิดการสึกกร่อน หากใช้เป็นเวลานานไม่มีการตรวจเช็กหรือเปลี่ยน จะทำให้เครื่องยนต์ไม่มีกำลัง กินน้ำมันมากขึ้น เนื่องจากหัวเทียนจุดประกายไฟ และจุดระเบิดเริ่มไม่สม่ำเสมอ โดยค่ายรถยนต์หลายๆ ค่ายแนะนำให้มีการเปลี่ยนหัวเทียนทุก 50,000 กม.

6.ตรวจสอบแบตเตอรี่

10.เช็กแบตเตอรี่

ควรตรวจสอบและทำความสะอาดแบตเตอรี่รถยนต์ของคุณอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเป็นการยืดอายุการใช้งาน วิธีทำความสะอาดง่ายๆ เช่น ทำความสะอาดที่ขั้วแบตเตอรี่ด้วยการเทน้ำร้อนราดที่ขั้ว และตรวจสอบเช็กระดับน้ำกลั่นให้อยู่ในตำแหน่ง UPPER/LEVEL ควรเติมให้พอดี ห้ามเติมเกินระดับนี้ และไม่ควรเติมน้ำดื่มหรือน้ำประปาหรือของเหลวชนิดอื่นๆ นอกจากน้ำกลั่นเด็ดขาด เพราะเป็นการทำให้แบตเตอรี่เสื่อมไวยิ่งขึ้น ซึ่งแบตเตอรี่รถส่วนใหญ่จะมีอายุการใช้งานประมาณ 4 ถึง 5 ปี หากอยู่ในภูมิอากาศเขตร้อนอาจจะอยู่ได้แค่ประมาณ 3 ปีเท่านั้น ถ้าชาร์จแบตเตอรี่แล้วพบว่าประจุไหลออกทั้งที่ไม่ได้ใช้รถ แสดงว่าได้เวลาต้องเปลี่ยนแบตแล้วล่ะ

7.ตรวจสอบระบบเบรกและน้ำมันเบรก

11.ระบบเบรกและน้ํามันเบรก

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้เปลี่ยนน้ำมันเบรกในทุกๆ 6 เดือน เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่รถยนต์ ควรตรวจเช็กระดับน้ำมันเบรกให้อยู่ระหว่าง MAX และ MIN โดยน้ำมันเบรกคุณภาพดีจะต้องมีลักษณะสีเหลืองใส ไม่ควรเป็นสีคล้ำหรือสีดำที่เสื่อมสภาพจากความชื้นหรือน้ำปนลงไป และควรตรวจเช็กระบบเบรกว่ามีรอยสึกเสมอกันทั่วทั้งวงหรือไม่ หากจากบางแล้วควรเปลี่ยนลูกยางเบรกใหม่ และตรวจเช็กผ้าเบรกโดยการดูแนวร่องกลางผ้าเบรกถ้าร่องเริ่มมีการตื้นแล้วควรเปลี่ยนใหม่ทันที

8.สังเกตไฟเตือนที่หน้าปัด

12.ไฟเตือนที่หน้าปัด

หน้าปัดรถยนต์เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่หลายคนมองข้าม คนส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยสนใจอะไรนอกจากนาฬิกาหรือไม่ก็ระดับน้ำมันเชื้อเพลิง เพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรหรือจะแก้ไขยังไง แต่สิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมากเพราะมันจะบ่งบอกความผิดปกติของรถยนต์ หากมีสัญญาณเตือนขึ้นมาควรรีบนำรถเข้าไปตรวจเช็กทันทีก่อนที่จะสายเกินไป

     เป็นอย่างไรกันบ้างคะ การวิธีการดูแลรถง่ายๆ ที่คุณควรรู้ ที่เราได้รวบรวมมาให้อ่านเป็นเรื่องที่ทุกคนสามารถทำได้ และเป็นสิ่งที่ทุกคนควรทำด้วยค่ะ เพื่อสุขภาพรถยนต์และความปลอดภัยในการใช้รถของทุกคน ควรเช็กให้ครบทุกข้ออย่าสม่ำเสมอกันนะคะ

อ่านบทความเกี่ยวกับการดูแลรถเพิ่มเติมได้ที่นี่

New call-to-action

 

Promporn Suw

Promporn Suw

Content Creator

Related posts

ทำความรู้จักประเภทของรถ Ev พร้อมข้อดี-ข้อเสีย

             รถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle, EV) ได้รับกระแสความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน...

Continue Reading

มาตรฐานความปลอดภัยในการติดตั้งเครื่องชาร์จไฟฟ้ารถ EV

หลายคนที่กำลังสนใจในรถ Ev (Electric Vehicle) อาจจะยังมีข้อสงสัยและตั้งคำถามในเรื่อง...

Continue Reading

รวม 10 แบรนด์รถยนต์ชื่อดังมูลค่าการตลาดสูงที่สุดของโลก

อุตสาหกรรมรถยนต์เป็นอีกตลาดหนึ่งที่น่าจับตามอง วันนี้รวบรวม 10 รถยนต์ชื่อดังที่ใหญ่ที่สุดของโลก...

Continue Reading