ล้างรถที่ดีต้องมีขั้นตอนอะไรบ้าง ?
การล้างรถถือเป็นขั้นตอนในการดูแลรักษารถที่ เป็นการทำให้รถดูสะอาดดูดีอยู่สม่ำเสมอ นอกจากนี้ยังเป็นการถนอมสีรถไปด้วยเช่นกัน แต่การล้างรถนี้ถ้าหากล้างไม่ถูกวิธีก็อาจส่งผลอันตรายต่อรถยนต์ของเราได้ด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นเรามาอ่านขั้นตอนการล้างรถที่ถูกวิธีกันดีกว่าค่ะ ว่ามีวิธีการขั้นตอนอะไรบ้าง
ขั้นตอนวิธีการล้างรถที่ถูกวิธี มีขั้นตอนอะไรบ้าง
- ฉีดน้ำล้างคราบสกปรก
ขั้นตอนแรกจะเป็นการฉีดน้ำล้างคราบสกปรกออกก่อน ด้วยการฉีดน้ำจากบนหลังคาเพื่อให้คราบสกปรกไหลจากด้านบนลงมาด้านล่าง ใช้น้ำเย็นเพื่อเป็นการชะล้างคราบสกปรกฝังแน่นให้อ่อนตัวลง
- ผสมน้ำอุ่นกับน้ำยาล้างรถ
ขั้นตอนที่สองผสมน้ำอุ่นกับน้ำยาล้างรถเข้าด้วยกันตามอัตราส่วนที่ฉลากสินค้านั้นๆ แนะนำ เนื่องจากน้ำยาล้างรถแต่ละยี่ห้อมีอัตราส่วนการผสมไม่เท่ากัน เพราะฉะนั้นต้องอ่านฉลากกันก่อนที่จะใช้งานนะคะ
- ล้างจากหลังคาลงด้านข้าง
ขั้นตอนที่สามวิธีล้างรถที่ถูกต้อง ควรใช้ฟองน้ำทำความสะอาดจากด้านบนหลังคาไล่ลงมาด้านล่าง บริเวณขอบต่างๆ และกระจกรถให้ช้ผ้าสำลีเช็ดทำความสะอาดแทน เพราะฟองน้ำล้างรถอาจจะมีเม็ดทรายติดอยู่ในรูพรุนของฟองน้ำ อาจทำให้เกิดรอยสร้างความเสียหายให้กับรถยนต์ได้ค่ะ
- ใช้ฟองน้ำล้างแยกส่วน
ขั้นตอนนี้เป็นสิ่งที่หลายคนมองข้าม ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความเสียหายต่อรถของคุณได้ เราจึงต้องควรแยกฟองน้ำล้างรถตามส่วนต่างๆ ของตัวรถ เช่น ฟองน้ำอันแรกใช้ทำความสะอาดหลังคารถ ฝากระโปรงหน้า ฝากระโปรงหลัง ผ้าสำลีใช้ทำความสะอาดกระจกรถและขอบต่าง ๆ ฟองน้ำอีกอันใช้ล้างล้อรถ และส่วนที่มีคราบสกปรกมากๆ
- ล้างน้ำเปล่าทันที
เมื่อทำความสะอาดรถด้วยน้ำยาล้างรถเสร็จแล้ว ต้องล้างน้ำเปล่าทันที ก่อนที่จะไปล้างส่วนอื่นต่อและต้องทำแบบนี้กับทุกส่วนของรถ จากนั้นจึงค่อยล้างรถยนต์ด้วยน้ำเปล่าทั้งคันอีกครั้ง
- ใช้น้ำยาขจัดรอยเปื้อน
หากล้างรถเสร็จเรียบร้อยแล้วยังพบคราบหรือรอยเปื้อน ให้ใช้น้ำยาขจัดรอยเปื้อนสำหรับรถโดยเฉพาะทำความสะอาดทันที
- หลังล้าง เช็ดรถให้แห้งทันที
ขั้นตอนสุดท้าย เมื่อเราทำความสะอาดรถเสร็จครบทุกขั้นตอนแล้ว ควรใช้ผ้านุ่มๆ ที่ซับน้ำได้ดีหรือผ้าซามัวร์มาเช็ดรถ โดยเฉพาะกระจกหน้ารถ ด้านในฝากระโปรงด้านในบริเวณขอบประตู และด้านในฝาถังน้ำมัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดคราบน้ำ รวมทั้งฝุ่นที่จะมาเกาะกับพื้นผิวรถ
ข้อห้ามสำคัญ ที่ห้ามทำขณะล้างรถ
ข้อห้ามสำคัญในการล้างรถ นั่นก็คือ “ห้ามล้างรถกลางแดด”
เนื่องจากจะทำให้น้ำแห้งเร็วจนเราเช็ดทำความสะอาดไม่ทัน แล้วอาจเกิดเป็นคราบน้ำเกาะบริเวณพื้นผิวรถยนต์ได้ และไม่ควรล้างในช่วงเย็นหรือกลางคืน เพราะหากเราเช็ดไม่แห้งสนิทก็อาจทำให้เกิดสนิมขึ้นในพื้นที่ที่ไม่แห้งได้ และข้อห้ามข้อสุดท้าย ไม่ควรใช้ผ้าชุปน้ำล้างรถ แทนฟองน้ำล้างรถ เพื่อป้องกันเศษฝุ่นหรือเม็ดทรายที่ติดผ้าจะทำให้เกิดรอยขีดข่วนกับตัวรถได้
นอกจากนี้ไม่แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์อื่น เช่น น้ำยาล้างจาน ผงซักฟอก มาใช้แทนน้ำยาล้างรถ เนื่องจากจะเป็นการทำลายให้สีรถหมองในระยะยาว และไม่ควรใช้ไม้ขนไก่ปัดฝุ่น เพราะอาจเกิดรอบขีดข่วนต่อตัวรถได้
ขั้นตอนการทำความสะอาดภายในตัวรถ
เป็นขั้นตอนสำคัญที่หลายๆ คนคิดว่ายากแต่วันนี้เรามีวิธีการล้างภายในตัวรถมานำเสนอ และทุกคนามารถไปทำตามกันได้ค่ะ
1) กำจัดเศษสิ่งสกปรกต่างๆ ออก
เริ่มต้นด้วยการจำกัดเศษสิ่งสกปรกที่อยู่ภายในรถออกก่อน ด้วยการเก็บของที่จำเป็นออกเพื่อให้สะดวกต่อการเก็บกวาด จากนั้นเริ่มต้นเก้บกวาดเอาเศษสิ่งสกปรกออกด้วยมือ หลังจากนั้นนำเครื่องดูดฝุ่นดูดฝุ่นซ้ำเพื่อกำจัดฝุ่นเล็กๆ น้อยๆ ออกไป ทั้งบนเบาะและบนพื้น
2) เช็ดเบาะไวนิลและเบาะหนัง
ขั้นตอนต่อไปเป็นขั้นตอนการล้างส่วนภายในโดยเริ่มทำความสะอาดจากเบาะผ้าไวนิลหรือเบาะหนังด้วยการใช้ผ้าเปียกหมาดเช็ดให้ทั่ว หรือจะใช้ผ้าแบบ wipe ที่ออกแบบมาสำหรับเช็ดเบาะหนังและไวนิลก็ได้ โดยผลิตภัณฑ์จำพวกนี้ เหมาะสำหรับการใช้เช็ดอุปกรณ์ภายในรถ แต่ก่อนจะให้ควรอ่านคำแนะนำและวิธีการใช้งานให้ดีก่อนใช้งานนะคะ
3) ซักเบาะผ้าถ้าจำเป็น
ถ้าหากรถเป็นเบาะผ้า สามารถซักเบาะได้เมื่อจำเป็น ด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับซักพรม หรือสำหรับซักเบาะผ้าในรถที่มีขายตามแผนกอุปกรณ์รถทั่วไป และก่อนจะใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้อย่าลืมทดสอบผลิตภัณฑ์ก่อนว่าจะไม่ทำให้เบาะรถของเรานั้นมีสีซีดหรือจางลง โดยให้ทดสอบบริเวณที่ไม่เป็นจุดสังเกตุเพื่อดุผลลัพธ์
4) ทำความสะอาดหน้าต่างด้านใน
อย่าลืมทำความสะอาดหน้าต่างด้านใน สามารถใช้ที่เช็ดกระจกทั่วไปหรือกระดาษทิจชู่เช็ดก็ได้ค่ะ แต่พอเช็ดเสร็จเรียบร้อยแล้ว มักจะทั้งคราบฝุ่นอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นใช้ผลิตภัณฑ์เช็ดกระจกสำหรับรถยนต์ หรือผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง แต่ระวังอย่าใช้น้ำยาเช็ดกระจกที่มีส่วนผสมของแอมโมเนีย เพราะจะทำให้กระจกรถเป็นรอยได้ค่ะ
5) ลงน้ำยาเคลือบหนังและผ้าไวนิล
หลังจากที่ทำความสะอาดล้างด้านในตัวรถเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ลงน้ำยาเคลือบหนังและไวนิล ลงบนเบาะ เพื่อปกป้องและป้องกันดูแลเบาะรถให้มีสภาพดีอยู่ตลอด โดยน้ำยาเคลือบเบาะนี้จะช่วยให้ภายในตัวรถไม่มีฝุ่นเกาะ และปกป้องวัสดุจากแสงแดดรวมทั้งลดรอยแตกต่างๆได้ด้วย
การลงแว๊กซ์หลังล้างรถ
ในการดูแลการล้างรถในขั้นตอนสุดท้าย ควรการหาผลิตภัณฑ์ แว๊กซ์ (Wax) มาใช้เคลือบสีนอกจากจะเป็นเกราะป้องกันชั้นแรก มันยังทำให้สีรถของคุณ ดูเงางามขึ้นมาอีกด้วย เพราะการแว๊กซ์จะเปรียบเสมือนเกาะป้องกันรอยขีดข่วนให้ตัวรถ แว็กซ์จะทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันโดยมันมีการสร้างชั้นฟิล์มบางๆ มาเคลือบทับกับสีรถนั่นเอง ซึ่งการแว็กซ์สีรถเป็นประจำมันจะช่วยเพิ่มชั้นป้องกันรถ ซึ่งจะทำให้ผิวรถมีความลื่น ช่วยป้องกันคราบสกปรกต่าง ๆ ทำให้คราบไม่สามารถเกาะติดบนสีรถได้ เหมือนกับใบบอนที่น้ำจะกลิ้งไปกลิ้งมาทำให้เราล้างรถได้ง่ายมากขึ้น แล้วยิ่งถ้าเลือกใช้แว๊กซ์ที่มีคุณภาพสูงๆ ก็สามารถป้องกันได้แม้กระทั้งกรวดเล็กกันเลย และข้อดีอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับตัวรถเมื่อต้องการขายต่อรถมือสอง สีของรถเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ราคารถดีหรือไม่ดี แต่หากสีรถของคุณเป็นสีเดิมจากโรงงานและยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ สิ่งนี้มันจะสามารถบ่งบอกได้ว่า คุณเป็นคนที่ใช้รถอย่างทะนุถนอม ดูแลรักษารถดี มันทำให้ผู้ชื้อเกิดความเชื่อใจได้ราคาดีนั่นเอง และข้อสุดท้ายแว็กซ์ยังกันน้ำที่ต้องกันน้ำเพราะในบางสภาพอากาศการที่ฝนตกลงมาอาจมีสภาวะเป็นฝนกรด ซึ่งอาจเกิดความเสียหายต่อสีรถได้
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับวิธีการล้างรถที่เรานำมาเสนอให้อ่านกัน ที่ผ่านมาทุกคนล้างรถด้วยวิธีการที่ถูกต้องกันหรือเปล่าเอ่ยหรือล้างครบทุกขั้นตอนที่เรานำเสนอไปไหมคะ หากยังล้างไม่ถูกต้องสามารถนำขั้นตอนที่เรานำมาเสนอไปปฏิบัติกันนะคะ รับรองว่าเป็นการดูแลรถที่ถูกต้องและทำให้รถของทุกคนดูใหม่และสุขภาพดีอยู่ตลอดแน่นอน
" Blog แนะนำ "
ไขข้อสงสัย ทำไมต้องล้างรถ ?
Promporn Suw
Content Creator