E-mail : Quickwashthailand@gmail.com Tel : 092-281-2771

เอกลักษณ์สุดคลาสสิค กว่า 50 ปี กับ Porsche 911

Porsche 911 เป็นรถมีการเปิดตัวเมื่อปี ค.ศ. 1963 ย้อนกลับไป เมื่อ 57 ปีก่อน ในงานมหกรรมยานยนต์ Frankfurt IAA Motor Show (IAA อินเตอร์เนชั่นแนล ออโต้โมทีฟโชว์) ซึ่งจัดขึ้นเมื่อเดือนกันยายน ปี ค.ศ. 1963 ที่เมือง Frankfurt ประเทศเยอรมนี ได้มีการเปิดตัวรถยนต์สปอร์ต ภายใต้รหัส 901 ซึ่งถูกผลิตขึ้นมาแทนที่ Porsche 356 เป็นรถโชว์ตัวต้นแบบ จากนั้นจึงมีการเปลี่ยนรหัสรุ่นเป็น 911 และขึ้นสายพานการผลิตอย่างเป็นทางการเมื่อปี ค.ศ. 1964

 




 

เครื่องยนต์ที่ใช้เป็นแบบเบนซิน ที่ใช้ระบบระบายความร้อนด้วยอากาศ (Air-cooled engines) แบบ 6 สูบเรียงนอน (Flat-6) ให้พละกำลัง 130 แรงม้า ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 210 กิโลเมตร/ชั่วโมง ความจุตัวถังขนาด 2.0 ลิตร มีชื่อเรียกฉายาว่า “Horn Grill” เนื่องมาจากเอกลักษณ์ที่มีช่องตรงตระแกรงข้างไฟเลี้ยว ซึ่งช่องดังกล่าว เป็นระบบระบายความร้อนเครื่องยนต์ โดยระบายจากกระจังหน้ารถ ให้อากาศให้ไปถ่ายเทความร้อนข้างใน

ตามมาติด ๆ ในปี ค.ศ. 1962 ด้วยรถยนต์รหัส 912 มาพร้อมเครื่องยนต์แบบ 4 สูบ และรหัส 911 S ที่มาพร้อมกับขุมพลังเครื่องยนต์ขนาด 160 แรงม้า ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อปี ค.ศ. 1966 อีกทั้งยังนับเป็นครั้งแรกกับการติดตั้งล้ออัลลอยด์จาก Fuchs มากับตัวรถอีกด้วย

จนกระทั่งเดือนกันยายน ปีค.ศ. 1965 ในงานมหกรรมยานยนต์ International Motor Show ณ เมือง Frankfurt ได้เผยโฉม 911 Targa (ทาร์ก้า) รถสปอร์ตที่ผสมผสานรูปทรงของรถเปิดประทุนกับรถคูเป้ 2 ประตู ซึ่งได้รับการขนานนามว่า เป็นรถเปิดประทุนที่มีความปลอดภัย ด้วยอุปกรณ์นิรภัย Roll bar แบบติดตั้งถาวร งานดีไซน์หลังคา Targa คืองานดีไซน์ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในรถยนต์เปิดหลังคาแบรนด์อื่น ถือเป็นต้นแบบให้กับรถสปอร์ตรุ่นหลัง ๆ

 

 

ต่อมาในปี ค.ศ. 1967 ทางพอร์เชอ ได้พัฒนาระบบเกียร์แบบใหม่ ส่งผ่านกำลังแบบ Semiautomatic Sport-automatic 4 จังหวะเป็นครั้งแรก รวมทั้งในปีเดียวกัน ยังได้ปล่อยรถยนต์ 911 รุ่น T , E และ S เข้าสู่ตลาดด้วยเช่นกัน ส่งผลให้พอร์เชอ กลายเป็นโรงงานผลิตรถยนต์จากเยอรมนีเจ้าแรก ที่สามารถผลิตรถตามกฎและข้อกำหนดควบคุมการปล่อยไอเสียของสหรัฐอเมริกา

10 ปี หลังจากการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของรถยนต์ 911 Generation แรก ทางพอร์เชอ ก็ได้ทำการเปิดตัวรถรุ่นที่ 2 มีชื่อเรียกว่า G Model ซึ่งเริ่มไลน์การผลิตตั้งแต่ปี ค.ศ. 1973 จนถึงปี ค.ศ. 1989 ซึ่งถือได้ว่า เป็นรุ่นที่มีการผลิตยาวนานกว่า 911 เจเนอเรชั่นอื่น ๆ รถยนต์รุ่นนี้ ได้รับการติดตั้งชิ้นส่วนกันชนด้านล่าง โดยมีการปรับปรุงให้มีความหนาขึ้น ซึ่งเป็นนวัตกรรมการออกแบบเพื่อให้เข้ากับมาตรฐานการทดสอบการชนในสหรัฐอเมริกา เพื่อการส่งออกไปขายในประเทศ

ความปลอดภัยในห้องโดยสาร ได้รับการพัฒนาด้วยเช่นกัน โดยมีการเพิ่มเติมเข็มขัดนิรภัย ถึง 3 จุด แบบ Three-Point มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานพร้อมกับรถ รวมทั้งเพิ่มที่พักศีรษะเข้าไป เพื่อความสบายแก่ผู้ขับขี่

 

 

ในปี ค.ศ. 1983 พอร์เชอ ได้ปล่อย 911 Carrera (คาร์เรร่า) Superseded SC ออกมา พร้อมเครื่องยนต์ขนาด 3.2 ลิตร ขุมพลัง 231 แรงม้า และรุ่นนี้ ยังได้กลายมาเป็นรุ่นยอดนิยมสำหรับนักสะสมอีกด้วย สำหรับผู้ที่ชื่นชอบรถเปิดประทุน ยังสามารถเลือกสั่งรถยนต์เปิดประทุนได้ตั้งแต่ ปีค.ศ. 1982 เป็นต้นมา จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1989 ได้มีการเปิดตัวรถยนต์อีกรุ่น ภายใต้ชื่อ 911 Carrera Speedster (คาร์เรร่า สปีดสเตอร์) ซึ่งเป็นรุ่นที่พัฒนาขึ้นมาจากแรงบันดาลใจจากรถยนต์รุ่น 356 ในช่วงปี 1950s นั่นเอง

 

 

ใน ปี ค.ศ. 1969 พอร์เชอ ได้นำเสนอเครื่องยนต์ ที่มีพละกำลังมากขึ้น รวมถึงเพิ่มความจุของเครื่องยนต์จากเดิม 2.0 ลิตร เป็น 2.2 ลิตร และ เพิ่มเป็น 2.4 ลิตร ในปี ค.ศ. 1971 สำหรับรถยนต์ 911 Carrera RS (คาร์เรร่า อาร์เอส) ที่มาพร้อมกับพละกำลังเครื่องยนต์สูงสุด 210 แรงม้า ด้วยน้ำหนักที่เบากว่า 1,000 กิโลกรัม ได้ทำการเปิดตัวเมื่อปี ค.ศ. 1972 โดยมีความจุเครื่องยนต์ 2.7 ลิตร มีการติดตั้งสปอยเลอร์หลังแบบ “Ducktail” ซึ่งถือเป็นสปอยเลอร์ชิ้นแรกที่ได้รับการติดตั้งลงบนรถที่เข้าสายการผลิต

พอร์เชอ ปล่อยรถยนต์ 911 Carrera 4 (คาร์เรร่า 4) ภายใต้รหัส 964 ออกมาเมื่อปี ค.ศ. 1988 ซึ่งเป็นรุ่นที่ได้รับการเปลี่ยนชิ้นส่วนของตัวถังใหม่หมดกว่า 85% หลังจากที่ใช้รูปแบบตัวถังเดิมมาเป็นเวลา 15 ปี  ส่งผลให้ 911 Generation 3 นี้เป็นรถที่มีความทันสมัยมากขึ้น มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบแบบนอน 3.6 ลิตร ให้พละกำลัง 250 แรงม้า

 

 

รหัสตัวถัง 993 เปิดตัวในปี ค.ศ. 1990 และได้กลายมาเป็นรถที่ผู้ขับขี่พอร์เชอต่างเทใจให้ โดยการพัฒนาพื้นฐานโครงสร้างใหม่ทั้งหมด ด้วยการใช้โครงสร้างอลูมิเนียม รวมถึงล้อแม็กอลูมิเนียมแบบ Hollow-spoke ซึ่งไม่เคยมีใช้กับรถรุ่นใดมาก่อน มีการเสริมกันชนเข้าไป เพิ่มประสิทธิภาพความมั่นคง อีกทั้งยังทรงตัวได้อย่างดีเยี่ยม  ซึ่งถือว่าเป็นนวัตกรรมอันทันสมัยมากในสมัยนั้น

 

 

ในปี ค.ศ. 1995 สำหรับรุ่น Turbo นั้น ถือว่าเป็นครั้งแรกที่มีการติดตั้งเครื่องยนต์ 6 สูบแบบ Bi-Turbo (เทอร์โบคู่) ซึ่งมีประสิทธิภาพในเรื่องของการปล่อยมลพิษได้ต่ำมากที่สุดในโลก ถือได้ว่าเป็นนวัตกรรมที่ยอดเยี่ยม สำหรับรถขับเคลื่อนสี่ล้อในสมัยนั้น ตามมาด้วยการเปิดตัวของ 911 GT2 (จีที2) ที่ได้รับการพัฒนาจนกลายเป็นรถสปอร์ตอันสมบูรณ์แบบ มาพร้อมกับความเร็วสูงแบบเต็มพิกัด รวมทั้งหลังคาและกระจกไฟฟ้า ถือได้ว่า 993 เป็นรุ่นสุดท้ายที่ใช้ระบบระบายความร้อนด้วยอากาศ เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่นักสะสมตามหา

 

 

รหัสตัวถัง 996 นี้ เปิดตัวเมื่อปี ค.ศ. 1997 โดยทำการตลาดเป็นรุ่นที่จำหน่ายเมื่อปี 1998 เป็นรุ่นที่เรียกได้ว่าคือจุดเปลี่ยนที่สำคัญของตระกูล 911 เลยก็ว่าได้ โดย 996 นี้ยังคงความเป็นตำนานแบบดั้งเดิมคลาสสิคอยู่ แต่มาพร้อมกับการออกแบบใหม่ทั้งหมด ด้วยการใช้ระบบเครื่องยนต์ที่ระบายความร้อนด้วยน้ำ (Water-cooled engines) มีพละกำลังสูงสุด 300 แรงม้า อีกทั้งยังรักษ์สิ่งแวดล้อมด้วยการลดการปล่อยมลพิษ เสียง รวมถึงประหยัดเชื้อเพลิงมากยิ่งขึ้น

 

พอร์เชอ ได้ทำการเปิดตัว 911 Carrera และ 911 Carrera S เจเนอเรชั่นที่ 6 ภายใต้รหัสตัวถัง 997 เมื่อเดือนกรกฏาคม ปี ค.ศ. 2004 โดยมีรูปทรงย้อนกลับไปยุคคลาสสิคอีกครั้ง ด้วยไฟหน้าแบบวงรี ที่แยกออกจากไฟเลี้ยวมาอยู่ตรงมุมกันชน เป็นการระลึกถึง 911 รุ่นดั้งเดิม มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 3.6 ลิตร แบบ Boxer (เบนซิน 6 สูบนอน) กับพละกำลังสูงสุดที่ 325 แรงม้า

 

 

Generation ที่ 7 นี้ เป็นที่รู้จักกันภายใต้ชื่อรุ่น 991 เปิดตัวเมื่อปี 2011 โดยทำการตลาดเป็นรุ่น 2012  เป็นรุ่นที่แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาของเทคโนโลยีรวมทั้งความทันสมัย ที่รวมตัวอยู่ใน 911 คันนี้ เป็นเจเนอเรชั่นใหม่ ที่ได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพและสมรรถนะเครื่องยนต์เข้าสู่ยุคใหม่ ด้วยฐานล้อที่ยาวขึ้น กว้างขึ้น มาพร้อมกับยางที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ห้องโดยสารได้รับการพัฒนาตามหลักสรีระศาสตร์มากขึ้น เพื่อประสิทธิภาพในการขับขี่ที่ถูกผสมผสานเข้าไว้ด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ

 

สำหรับ 911 Generation ที่ 8 นี้ ถือว่าเป็น เจเนอเรชั่นล่าสุด ภายใต้รหัส 992 ทำการเปิดตัวครั้งแรกที่ Los Angeles Autoshow เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน ปี 2018 โดยยังคงรูปทรงดั้งเดิมของ 911 ในอดีตมาผสมผสานกับความทันสมัยในปัจจุบัน มีการเพิ่มระยะของล้อทั้งหน้าและหลัง โครงสร้างของตัวถังใช้แพลตฟอร์มร่วมกับ Porsche 718 ซึ่งมีชื่อเรียกว่า MMB-Modular Mid-Engine อันเป็นโครงสร้างแบบใหม่ที่รองรับเครื่องยนต์วางกลางลำและเครื่องยนต์วางท้าย

 

 

นอกเหนือจากความเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครแล้ว ในส่วนของเทคโนโลยีก็ยังได้รับการพัฒนาให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา การออกแบบที่ลงตัว มาพร้อมกับฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครัน สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงเรื่องราวความสำเร็จ ที่มีใน 911 ทุก Generation ความเป็นรถสปอร์ตที่ควบคู่กับการใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน

จะมีรถสักกี่รุ่นบนโลก ที่ยังสามารถยืนหยัดอยู่ในวงการได้อย่างแข็งแกร่งและยังคงประสบความสำเร็จ มานานถึง 5 ทศวรรษ ปัจจุบัน Porsche 911 ได้กลายเป็นรถที่มีความเก่าแก่ที่สุดของแบรนด์ ที่ยังดำเนินสายการผลิตอยู่ และเป็นหนึ่งในรถประเภทคูเป้ ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอีกด้วย 

 

Siraprapa Lee

Siraprapa Lee

Digital Marketing

Related posts

ล้างรถที่ดีต้องมีขั้นตอนอะไรบ้าง ?

การล้างรถถือเป็นขั้นตอนในการดูแลรักษารถที่ เป็นการทำให้รถดูสะอาดดูดีอยู่สม่ำเสมอ...

Continue Reading

แชร์ทริค! เปลี่ยนน้ำมันเครื่องตอนไหน ดูแลยังไงไม่ให้เครื่องพัง !

การดูแลเรื่องน้ำมันเครื่องรถยนต์ เป็นหน้าที่สำคัญที่เจ้าของรถทุกคนควรใส่ใจ และไม่ควรละเลย...

Continue Reading

Flash Express ผู้ให้บริการด้าน E-Commerce แบบครบวงจร

          หลายปีมานี้นอกจากธุรกิจ Food Delivery จะเติบโตเป็นอย่างมากแล้ว ธุรกิจการขนส่งได้รับความนิยม...

Continue Reading